วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558

"ไอคอนสยาม"เปิดเพนต์เฮาส์ทุบสถิติ5.5แสนบาท/ตร.ม.

ไอคอนสยาม เปิดราคาพรีเซลเพนต์เฮาส์"เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดารินโอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ" เริ่มต้น 5.5 แสน/ตร.ม. ทำสถิติห้องชุดแพงที่สุดในเมืองไทย มียอดจองแล้ว 30 ยูนิตจาก 146 ยูนิต จับมือพันธมิตรเชนโรงแรมแมนดารินช่วยการขายต่างชาติ

นางทิพพาภรณ์ เจียรวนนท์ อริยวรารมย์ กรรมการ บริษัท ดิ ไอคอนสยาม ซูเปอร์ลักซ์เรสซิเดนซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่าบริษัทเพิ่มงบฯลงทุนโครงการเดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ 2,000 ล้านบาท รวมเป็น 9,000 ล้านบาท เพื่อทำให้คุณภาพการออกแบบและก่อสร้างดีที่สุดสำหรับลูกค้า เตรียมเปิดพรีเซลพร้อมกันในไทย ฮ่องกง และอังกฤษ 29 ต.ค.นี้

รายละเอียดโครงการ ออกแบบเป็นคอนโดมิเนียม 52 ชั้น 146 ยูนิต บนที่ดิน 4.9 ไร่ ในพื้นที่โครงการไอคอนสยาม ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งเจริญนคร มีให้เลือกแบบห้อง 2-3 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 127-228 ตร.ม. ราคาเริ่ม 3.5 แสนบาท/ตร.ม. หรือ 45 ล้านบาท/ยูนิต และแบบเพนต์เฮาส์กับดูเพล็กซ์ 380-707 ตร.ม. เริ่มต้น 5.5 แสนบาท/ตร.ม. ทำให้โครงการมีห้องชุดราคาเริ่มต้นที่แพงที่สุดในประเทศไทย จากเดิมอันดับ 1 เป็นของเดอะ ริทซ์-คาร์ลตันเรสซิเดนเซส บางกอก ที่มีราคาขาย 4 แสนบาท/ตร.ม.

นายธนวันต์ ชัยวัฒนะ กรรมการผู้จัดการ ดิ ไอคอนสยามฯกล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทเป็นพันธมิตรร่วมกับแมนดาริน โอเรียนเต็ล โฮเต็ล กรุ๊ปทำให้เกิดความมั่นใจในแบรนด์ ภายในโครงการที่มีลิฟต์ส่วนตัวทุกห้องชุด ที่จอดรถ 350 คัน เกิน 1 เท่าของจำนวนห้องชุด พร้อมลิฟต์จอดรถอัตโนมัติ มีพื้นที่สีเขียว 4,600 ตร.ม. และพื้นที่ส่วนกลางอื่น ๆ 3,000 ตร.ม. ล่าสุด ลูกค้าคนไทยจองแล้ว 30 ยูนิต มูลค่ารวมกว่า 1,000 ล้านบาท

บริษัทคาดว่าจะทำยอดขาย 20-30% ภายใน 3 เดือน ตั้งเป้ามีลูกค้าต่างชาติเต็มโควตา 49% เตรียมจัดโรดโชว์ที่ประเทศฮ่องกงช่วงปลายเดือน พ.ย.นี้ ส่วนโครงการแมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟรอนท์ เรสซิเดนซ์ 379 ยูนิตที่อยู่ติดกันสามารถปิดการขายได้แล้วในขณะนี้

ติดตามข่าวสาร ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ค ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
www.facebook.com/PrachachatOnline
ทวิตเตอร์ @prachachat

ดิ เอส อโศก คอนโดฯ แซ่บเว่อร์ ที่จอดรถเกิน 100% ทำช่องจอดให้ซูเปอร์คาร์-ซูเปอร์ไบก์อีกต่างหาก

ใครรู้จัก "สิงห์ เอสเตท" บ้าง ยกมือขึ้น

ประกาศจุดยืนชัด สำหรับบมจ.สิงห์ เอสเตท ว่าจะพัฒนาแต่คอนโดมิเนียมระดับกลางบน ราคา 8 หมื่นบาท/ตร.ม.ขึ้นไปเท่านั้น ปีนี้เลยประเดิมคอนโดฯแห่งแรก "ดิ เอส อโศก" (The ESSE Asoke) ราคาเฉลี่ย 2.2 แสนบาท/ตร.ม. เริ่มต้น 7.69 ล้านบาท ซึ่งสิงห์จัดว่าเป็นกลุ่มลักเซอรี่ของบริษัทฯ


คุยกับ "ณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการพัฒนาธุรกิจที่พักอาศัย บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงที่มาที่ไปของชื่อว่า ESSE เป็นรากศัพท์ภาษาละตินแปลว่า การมีอยู่ และเป็นการย่อคำจากภาษาอังกฤษคำว่า Essence แปลว่า สาระ แก่นสาร ซึ่งเป็นความหมายที่ดี และพ้องเสียงกับตัว S ที่เป็นสัญลักษณ์ของสิงห์ เอสเตท ในตลาดหุ้น

ว่าถึงรายละเอียดโครงการ ตั้งอยู่บนถ.อโศกมนตรี ตรงข้ามตึกแกรมมี่ ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสอโศก 550 เมตร พอจะเดินถึงแบบเหนื่อยนิดหน่อย เป็นอาคารชุดสูง 55 ชั้น ที่ผู้บริหารขอเคลมว่าเมื่อสร้างเสร็จจะกลายเป็นตึกที่สูงที่สุดบนถ.อโศกมนตรี แต่ถึงจะมีหลายชั้น ก็มีห้องชุดเพียง 419 ยูนิต เพราะแต่ละชั้นเป็นซิงเกิ้ลคอร์ริดอร์(มีห้องชุดอยู่ฝั่งเดียวของทางเดิน) มีไม่เกิน 12 ยูนิต ยิ่งมีคนพักอาศัยน้อยจะรักษาความเป็นส่วนตัวได้มาก


สิ่งอำนวยความสะดวกและพื้นที่ส่วนกลาง บนพื้นที่ 2 ไร่กว่าของโครงการ จัดเป็นพื้นที่สีเขียว 3 โซนเนื้อที่รวม 1 ไร่ มีสระว่ายน้ำ ฟิตเนส บอร์ดรูมสำหรับจัดประชุมย่อย และกอล์ฟ ซิมูเลเตอร์ ที่เชื่อว่าเป็นไลฟ์สไตล์ของผู้พักอาศัย เอาไว้ซ้อมออกรอบได้ทุกวันเวลา

ไฮไลต์สำคัญอีกอย่างคือ ที่จอดรถ 427 คัน เกินกว่าจำนวนห้อง พร้อมที่จอดซูเปอร์คาร์ 9 คัน ซูเปอร์ไบค์อีก 9 คัน เพราะมั่นใจว่าลูกบ้านทุกห้องมีรถ แม้จะไม่ได้ใช้ทุกวัน แต่ที่จอดรถต้องมีทุกวัน

มาดูแบบห้องบ้าง มีแบบ 1-2 ห้องนอนและเพ้นท์เฮ้าส์ ขนาด 37-195 ตร.ม. เข้าไปเยี่ยมชมภายในห้อง 1 ห้องนอน 37 ตร.ม. จะค่อนข้างกะทัดรัด พื้นที่ทานอาหารเป็นโต๊ะทรงเคาน์เตอร์บาร์ 2 ที่นั่ง หรือจะยกไปทานที่เคาน์เตอร์ริมหน้าต่างก็ได้ ในห้องนอนวางเตียงได้พอดี มีช่องเจาะสำหรับวางทีวีที่ปลายเตียง ส่วนห้อง 2 ห้องนอน 75 ตร.ม. จะโปร่งโล่ง พื้นที่ห้องนั่งเล่น ครัว โต๊ะทานอาหาร 4 คน วางลงตัวพอดิบพอดี ห้องนอนมาสเตอร์มีห้องน้ำกรุกระจกมองทะลุห้องนอนได้และมีอ่างอาบน้ำ

ใครสนใจแวะชมได้ตั้งแต่ 19 ต.ค. 58 ถ้าจองช่วงพรีเซลก่อนแกรนด์โอเพนนิ่งที่สยามพารากอนวันที่ 13 พ.ย.58 รับส่วนลด 3 แสน-1.2 ล้านบาทไปเลยคร้าบ




นาทีทอง! กระตุ้นอสังหาฯ ซื้อบ้านไม่เกิน3ล้านตอนนี้ คุ้มสุด!



มนุษย์เงินเดือนมีเฮ!!!

สำหรับมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ยุครัฐบาลคสช. 

ในอดีต รัฐบาลเคยออกมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ มาหลายครั้งต่างกรรมต่างวาระ แต่เป้าหมายหลักจะเน้นดูแลผู้มีรายได้น้อย สำหรับรอบนี้พูดให้ยาวขึ้นว่าช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลาง โดยมติคณะรัฐมนตรี หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า มติ ครม. เมื่อวันอังคารที่ 13 ตุลาคม 2558 มี 4 แพคเกจสำคัญ ดังนี้

1. "ลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์" ปกติจะต้องทำและจ่ายที่กรมที่ดินหรือสำนักงานสาขา มีค่าธรรมเนียมโอนอยู่ที่ 2% ลดเหลือ 0.01% อธิบายให้เห็นภาพง่ายๆ ว่า ราคาอสังหาฯ 1 ล้านบาท จะต้องเสียค่าธรรมเนียมการโอน 2 หมื่นบาท ภายใต้มาตรการพิเศษนี้จะมีการจ่ายจริงแค่ 100 บาท

สมมุติ ราคาอสังหาฯ 2 ล้านบาท เดิมเสียค่าโอน 40,000 บาท หรือราคา 3 ล้านบาท จะต้องเสียค่าโอน 60,000 บาท ในขณะที่ภายใต้มาตรการรัฐจ่ายค่าโอนจริงเพียง 400 และ 600 บาท เป็นต้น

2."ลดค่าธรรมเนียมการจดจำนอง" อัตราปกติอยู่ที่ 1% หรือ 1 ล้านบาทต่อ 1 หมื่นบาท ลดเหลือ 0.01% หลักการคำนวณก็เหมือนกันคือภายใต้มาตรการครั้งนี้ ค่าจดจำนองจะเหลือ 1 ล้านบาทต่อ 100 บาท

ก่อนอื่น ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การซื้อขาย อสังหาฯ หากเป็นการซื้อด้วยเงินสดคุณก็ไม่มีค่าใช้จ่ายตัวนี้ แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง มีผู้ซื้อด้วยเงินสดเพียงกลุ่มน้อยนิด 5-10% เท่านั้น

นั่นหมายความว่าส่วนใหญ่ที่ซื้อโครงการจัดสรรไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์คอนโดมิเนียม สัดส่วน 90-95% ซื้อด้วยวิธีการกู้เงินจากสถาบันการเงิน เพราะฉะนั้น มักจะต้องแบกรับภาระค่าจดจำนองด้วยเสมอ

ทั้งนี้ การยกเว้นค่าโอนและจดจำนองดังกล่าว มีอายุให้เพียง 6 เดือน หรือภายใน 30 เมษายน 2559 
(อาจจะ 31 มีนาคม 2559 ก็ได้) เงื่อนไขเวลาจะช้าหรือเร็วขึ้นกับทางกระทรวงมหาดไทยสามารถเร่งรัดการบังคับใช้ได้เร็วหรือช้า เพราะต้องนำมติ ครม.ไปแปลงสู่การปฏิบัติ โดยนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการกฎหมายของกระทรวงก่อนออกมาบังคับใช้ และเริ่มนับเวลา 6 เดือน (ประเมินกันว่าเร็วที่สุดขั้นตอนน่าจะเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ นับจากมีมติ ครม.)

3."ความช่วยเหลือด้านสินเชื่อ" 


เจ้าภาพหนีไม่พ้น ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ธอส. มาตรการกระตุ้นอสังหาฯ รอบนี้แหวกแนวออกไปเล็กน้อย เนื่องจากไปเพ่งเล็งการช่วยเหลือในกลุ่มผู้ที่เคยถูกปฏิเสธสินเชื่อหรือรีเจ็กต์เรตมาแล้ว ซึ่งรัฐบาลเตรียมวงเงินสนับสนุน 10,000 ล้านบาท ปล่อยกู้ได้สูงสุดสำหรับราคาอสังหาฯ ไม่เกิน 3 ล้านบาท หรือผู้กู้มีรายได้เดือนละ 30,000 บาท เห็นข่าวแวบๆ ทางรัฐมนตรีกระทรวงคลังบอกว่ามียอดรีเจ็กต์เรต 5,000-6,000 ราย ทั่นให้เหตุผลว่า เป็นกลุ่มที่แสดงเจตนารมณ์อยากซื้ออสังหาฯ แต่ซื้อไม่ได้เพราะกู้ไม่ผ่าน

เรื่องนี้ปรากฏว่าทาง ธอส. ทำงานได้รวดเร็วฉับไว ด้วยการประกาศให้ดอกเบี้ยปีแรก 3.50% ปีที่สอง 4.25% อายุสินเชื่อที่เหลือเป็นไปตามเรตปกติคือ MRR (ลูกค้ารายย่อยชั้นดี) ส่วนจะบวกหรือลบเท่าไหร่เป็นไปตามกลไกเดิมๆ เช่น สินเชื่อสวัสดิการ ฯลฯ โดยสินเชื่อก้อนนี้มีเวลาทำสัญญาเงินกู้ภายใน 1 ปี เริ่มต้นนับเวลาตั้งแต่ 19 ตุลาคม 2558 เป็นต้นไป

อีกเรื่องหนึ่งที่ถือว่าจบก็คือ "ระยะเวลาการผ่อน" เกณฑ์คำนวณของแบงก์มีหลายตัว หนึ่งในนั้นคือ "อายุตัว" เช่น ผู้กู้มีอายุสูงสุดคือ 60 ปี สัญญาสินเชื่อยาวสุดอยู่ที่ 30 ปี ต่อมาพอมีการแข่งขันดุเดือดแบงก์หลายแห่งก็เลยขยายงวดผ่อน โดยยืดอายุผู้กู้ออกไปอีก เช่น ผู้กู้อายุได้ถึง 65-70 ปี ซึ่งมีผลทำให้สินเชื่อผ่อนได้ยาว 35-40 ปี โดยมติ ครม.ให้แนวทาง ธอส. ทำสินเชื่อยาวสุด 30 ปีเท่าเดิม

4."ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา" มติ ครม.เขียนไว้ว่า เป็นมาตรการที่ให้สำหรับผู้ซื้อบ้านไม่เกิน 3 ล้านบาท โดยลดหย่อน 20% ของมูลค่าบ้านที่ซื้อระยะเวลา 5 ปี

อธิบายได้อย่างนี้ค่ะ สมมุติ ซื้อบ้านราคา 3 ล้านบาท (ราคาแพงกว่านี้ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์) ลดหย่อน 20% คำนวณออกมาแล้วเท่ากับ 6 แสนบาท ให้นำ 5 ปีมาหารเฉลี่ยจะได้ปีละ 1.2 แสนบาท เท่ากับอัตราที่จะนำไปหักลดหย่อนได้คือปีละ 1.2 แสนบาท เป็นต้น 
ถ้าเปรียบเทียบกับมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ที่ผ่านๆ มา อย่างน้อยถือว่าหน้าตาดีขึ้น พอกล้อมแกล้มกับสถานการณ์จริง เพราะมีทั้งการโฟกัสกลุ่มที่เคยถูกปฎิเสธสินเชื่อมาก่อน มีทั้งเรื่องการลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดา

นาทีทองเริ่มต้นแล้วนะคะ โปรโมชั่นอสังหาฯ ที่มีรัฐบาลร่วมเป็นเจ้าภาพไม่ได้มีมาบ่อยๆ ของแถม-ส่วนลดเดิมๆ ที่เอกชนเขามีให้ อย่าลืมต่อรองให้เยอะ เรียกให้หนัก ให้สมกับที่ผู้ประกอบการชอบพูดว่า ยุคนี้เป็นยุคทองของผู้บริโภค


Cr.http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1445139451