วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

พลัสฯ ชี้คอนโดฯ ไฮเอนด์คึกคักสวนกระแสเศรษฐกิจไตรมาส 1 เปิด 7 โครงการ 1,323 ยูนิต

พลัสฯ เผยเศรษฐกิจชะลอกระทบอสังหาฯ ระดับกลาง-ล่าง แต่ตลาดระดับบนยังไปได้สวย ลูกค้ายังมีกำลังซื้อแถมความต้องการเพิ่มต่อเนื่อง ชี้ผู้ประกอบการเริ่มหันมาชิงเค้กกลุ่มพรีเมียม หลังพบโครงการเปิดใหม่ปิดการขายได้เร็ว ไตรมาสแรกเปิด 7 โครงการ 1,323 ยูนิต คาดทองหล่อ พร้อมพงษ์ อโศก แนวโน้มดีมานด์-ซัปพลายพุ่ง
ภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ

       
       นายภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังการชะลอตัวของเศรษฐกิจและสถานการณ์กดดันภายในประเทศในช่วงที่ผ่านมา ส่งให้กลุ่มผู้มีรายได้ปานกลาง-น้อยกำลังซื้อลดลง ส่งผลให้ภาคอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะความต้องการระดับกลางที่เริ่มได้รับผลกระทบตามไปด้วย ในขณะที่กลุ่มผู้มีรายได้สูง ยังคงมีกำลังซื้อตามปกติ และนิยมซื้อคอนโดมิเนียมเป็นที่อยู่อาศัยมากขึ้น ส่วนหนึ่งซื้อเพื่อปล่อยเช่าให้แก่ชาวต่างชาติในย่านธุรกิจ และซื้อเก็บไว้ให้ลูกหลานในทำเลใกล้บ้าน
       
       ดังนั้น ผู้ประกอบการหลายรายจึงเบนเข็มลงมาชิงส่วนแบ่งอุปสงค์ของลูกค้าระดับบนกันมากขึ้น จากก่อนหน้านี้มีผู้ประกอบการจับตลาดนี้อยู่เพียงไม่กี่ราย ซึ่งส่งผลให้อุปสงค์และอุปทานในตลาดคอนโดมิเนียมระดับบนเป็นกำลังซื้อสำคัญ แม้ในช่วงที่เศรษฐกิจถดถอย
       
       จากข้อมูลของฝ่ายวิจัยและพัฒนา พลัส พร็อพเพอร์ตี้ฯ ที่ได้ทำการสำรวจตลาดคอนโดมิเนียมไฮเอนด์ (คอนโดมิเนียมราคาเฉลี่ย 200,000 บาท/ตารางเมตรขึ้นไป และมีพื้นที่ 50 ตารางเมตรขึ้นไป) ตั้งแต่กลางปี 2555 จนถึงไตรมาสแรกของปี 2558 พบว่า ตลาดคอนโดมิเนียมไฮเอนด์เริ่มตีตื้นกลุ่มราคาอื่นๆ ในตลาด ขยายส่วนแบ่งอุปทานเสนอขายได้สูงขึ้น โดยพบว่า มีอุปทานใหม่ในครึ่งปีหลัง 2556 ที่เป็นอุปทานคอนโดมิเนียมไฮเอนด์มีเพียง 1% เท่านั้น ส่วนในครึ่งปีหลัง 2557 เริ่มมีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นเป็น 3% แต่มาในปี 2558 เพียงแค่ช่วงไตรมาสแรก อุปทานคอนโดมิเนียมไฮเอนด์เข้ามาชิงส่วนแบ่งอุปทานใหม่เพิ่มเป็น 11% แล้ว สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในตลาดที่ค่อนข้างชัดเจน
       
       นายภูมิภักดิ์ กล่าวต่อว่า ไม่เพียงอุปสงค์ และอุปทานที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น ราคาของคอนโดมิเนียมระดับบนยังปรับตัวขึ้นค่อนข้างดี โดยช่วงครึ่งปีหลัง 2557 ที่ผ่านมา มีโครงการใหม่เปิดตัวเพียง 3 โครงการ รวม 1,371 ยูนิต หากพิจารณาทางด้านยอดขายพบว่า มีการตอบรับเป็นอย่างดี บางโครงการทำสถิติปิดการขายได้ภายในวันเดียว แนวโน้มการเปิดตัวโครงการใหม่ของคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ต่อเนื่องมาจนปี 2558 เริ่มเห็นการเติบโตของอุปทานใหม่อย่างคึกคัก เพียง 3 เดือนแรกของปี เปิดตัวแล้ว 7 โครงการ รวม 1,323 ยูนิต โดยมียอดขายเฉลี่ย 34 ยูนิตต่อเดือนต่อโครงการ ในขณะที่ราคาซื้อขายต่อยูนิต เริ่มขยับตัวสูงขึ้นถึง 34% ภายในระยะเวลา 3 ปี
       
       “จำนวนการตอบรับยังเติบโตต่อเนื่อง เช่นในปีนี้มีหลายโครงการโดดเด่น และเป็นตัวชี้วัดได้เป็นอย่างดีว่าอุปสงค์ในกลุ่มตลาดบนไม่มีวันตาย เช่น โครงการ Ashton Residence 41 ในย่านศูนย์กลางธุรกิจ สามารถปิดการขายได้ภายในวันเดียว โครงการ Nimit Langsuan และ The Diplomat 39 ยอดขายสูงเกือบจะเต็มจำนวน ล่าสุด กลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา The Monument Sanampao เปิดตัวเพียงวันเดียวสามารถปิดการขายได้ทั้งโครงการ จึงเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า ที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ยังคงเป็นที่ต้องการของตลาด จึงไม่น่าแปลกใจที่กลุ่มทุนหลายรายเข้าช่วงชิงเค้กก้อนเล็กชิ้นนี้มากขึ้น” นายภูมิภักดิ์ กล่าว
       
       ประเด็นสำคัญที่ทำให้ตลาดคอนโดมิเนียมระดับบนยังยืนหยัดอยู่ได้แม้ในช่วงสถานการณ์ต่างๆ ที่บั่นทอนกำลังซื้อ นอกจากทำเลที่ตั้งที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคแล้ว พื้นที่สีเขียวที่ให้อารมณ์เสมือนการพักผ่อนในบ้านเดี่ยวอันร่มรื่น และสิ่งอำนวยความสะดวก ความปลอดภัย และรูปแบบโครงการ รวมถึงขนาดห้องพักที่ค่อนข้างกว้างขวาง เป็นสิ่งสำคัญให้อุปสงค์ในตลาดนี้เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งมีกระแสตอบรับที่ดีทั้งกลุ่มผู้ซื้อชาวไทย และชาวต่างชาติ แนวโน้มความน่าสนใจของคอนโดมิเนียมระดับบนยังมีทิศทางขยายตัวอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ เช่น ทองหล่อ พร้อมพงษ์ อโศก คาดว่ามีอุปทานใหม่ระดับบนเตรียมรอเปิดตัวเช่นเดียวกัน และน่าจะขยายตัวออกจากพื้นที่ไข่แดงย่านศูนย์กลางธุรกิจเหล่านี้ ไปสู่พื้นที่ข้างเคียงที่มีศักยภาพไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน เช่น ทำเลใกล้พื้นที่สีเขียวที่เป็นแหล่งโอโซนธรรมชาติในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งถือเป็นทำเลที่น่าลงทุน และน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อยให้แก่ผู้บริโภคในเวลานี้ 

Cr.http://manager.co.th/

วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

โฟร์พัฒนาจัด Fourpattana Golden Week 4-10 มิ.ย. จับมือ 5 พันธมิตร แบรนด์ดังผลิตภัณฑ์คุณภาพ อัปเกรดสเปกวัสดุ พร้อมสร้างบ้านต้านแผ่นดินไหว 6.9 ริกเตอร์

โฟร์พัฒนาจัด Fourpattana Golden Week 4-10 มิ.ย. จับมือ 5 พันธมิตร แบรนด์ดังผลิตภัณฑ์คุณภาพ อัปเกรดสเปกวัสดุ พร้อมสร้างบ้านต้านแผ่นดินไหว 6.9 ริกเตอร์

 โฟร์พัฒนา ตอกย้ำความเป็นผู้นำในด้านมาตรฐานการทำงานด้วยคุณภาพ ฝีมือที่เหนือกว่า โดยปรับสเปกมาตรฐานก่อสร้าง อัปเกรดวัสดุ 5 ผลิตภัณฑ์ดังคุณภาพพร้อม สร้างบ้านต้านแผ่นดินไหว 6.9 ริกเตอร์ และเปิดตัว 4 แบบบ้าน New Design 2015 กับโปรโมชันมอบส่วนลดพิเศษ 10% ทองคำมูลค่าสูงสุด 1 ล้านบาท เปิดตัวในงานใหญ่ที่โฟร์พัฒนาจัดขึ้นพิเศษโดยเฉพาะกับงาน Fourpattana Golden Week 


นายปราโมทย์ ธีรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฟร์พัฒนา จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดรับสร้างบ้านในช่วงต้นปีที่ผ่านมาถึงแม้จะฟื้นตัวดีขึ้นจากปลายปี 2557 แต่ก็ไม่คึกคักเท่าที่ควร โฟร์พัฒนาจำเป็นต้องรุกตลาดอย่างหนักเพื่อกระตุ้นการซื้อต่อกลุ่มผู้บริโภคในช่วงกลางปี โดยจัดโปรโมชันพิเศษมอบให้ในช่วงเวลาพิเศษสุด สำหรับการสร้างบ้านในงาน Fourpattana Golden Week วันที่ 4-10 มิถุนายนนี้ ที่ชั้น 1 เซ็นทรัลลาดพร้าว
       
       การจัดงานครั้งนี้ โฟร์พัฒนาได้มอบ 4 ข้อเสนอพิเศษ พร้อมกับการอัปเกรดวัสดุของ 5 แบรนด์ดังคุณภาพ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ของ SCG ตราช้าง, CONWOOD, TOA, KA POWER และ GEHAUSE ให้แก่บ้านทั้ง 4 ซีรีส์ พร้อมเสริมโครงสร้างพิเศษบ้านต้านแผ่นดินไหว 6.9 ริกเตอร์ จากเดิมโครงสร้างบ้านโดยทั่วไปตามกฎกระทรวงในปัจจุบันกำหนดให้บ้านต้องสามารถรับแรงต้านทานแผ่นดินไหวได้ประมาณ 5 ริกเตอร์เท่านั้น พร้อมกับเปิดตัว 4 แบบบ้านใหม่ ปี 2015 แบบบ้านที่เน้นฟังก์ชันใช้สอยเพื่อการใช้งานจริงให้ได้ประโยชน์สูงสุด มีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 359-799 ตารางเมตร ดีไซน์สวย ทันสมัย มอบส่วนลดพิเศษให้ 10% ทุกหลัง
       
       นอกจาก โฟร์พัฒนาแล้ว บริษัทรับสร้างบ้านคุณภาพในเครือโฟร์พัฒนากรุ๊ป ยังร่วมมอบโปรโมชันพิเศษในงานด้วย โดยบริษัท โฟร์ดีเวลลอป เฮ้าส์ จำกัด ได้มอบส่วนลด และรายการสมนาคุณพิเศษรวมมูลค่าสูงสุด 490,000 บาท บริษัท โฟร์เอ็กซ์ตร้า บิวท์ จำกัด มอบส่วนลดสูงสุด 8% เมื่อปลูกสร้าง 6 แบบบ้านยอดนิยม พร้อมพบกับบริษัทรับสร้างบ้านใหม่ล่าสุดในเครือโฟร์พัฒนากรุ๊ป ที่เพิ่งเปิดตัวเป็นทางการกับ บริษัท โฟร์พัฒนา พรีเมี่ยม จำกัด บริษัทรับสร้างบ้านที่ให้บริการที่มีความแตกต่าง โดยที่ผ่านมา ทั้ง โฟร์พัฒนา, โฟร์ดีเวลลอป เฮ้าส์ และโฟร์เอ็กซ์ตร้า บิวท์ เน้นการสร้างบ้านตามแบบมาตรฐานที่มีแบบบ้านหลายขนาด หลายระดับราคา ตั้งแต่ 3-20 ล้านบาท ครอบคลุมความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคระดับกลางและสูง แต่สำหรับ บริษัท โฟร์พัฒนา พรีเมี่ยม จำกัด ได้ให้บริการรับสร้างบ้านตามแบบของลูกค้า และออกแบบพิเศษให้ตามความต้องการ โดยเฉพาะระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป เป็นการบุกตลาดเซกเมนต์นี้ที่จับกลุ่มลูกค้าระดับ High-end บริหารงานโดย คุณโอภาส ปัทธวัน กรรมการผู้จัดการ ผู้ที่มีประสบการณ์ในการทำงานมากว่า 20 ปี โดยดูแลรับผิดชอบในด้านการตลาด และด้านสถาปัตยกรรมของ บริษัท โฟร์พัฒนา จำกัด อีกด้วย
       
       นายปราโมทย์ กล่าวทิ้งท้ายว่า การจัดงาน Fourpattana Golden Week ในครั้งนี้ ถือเป็นการฉลองเข้าสู่ปีที่ 34 ของโฟร์พัฒนา กับประสบการณ์รับสร้างบ้านโดยไม่ใช้ผู้รับเหมา ดังนั้น โปรโมชันที่จัดมอบให้ถือว่าพิเศษที่สุดที่พลาดไม่ได้ โดยคาดว่าการจัดงานครั้งนี้กลุ่มบริษัทรับสร้างบ้านโฟร์พัฒนา กรุ๊ป จะได้รับการตอบรับที่ดี และทำให้ยอดขายรวมของปี 2558 เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 577 ล้านบาท 



                            (ข่าวประชาสัมพันธ์) 


วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

“อินเตอร์เรียลตี้” ดันบริษัทลูกรุกตลาดบ้านมือสองภาคอีสาน

อินเตอร์ เรียลตี้ฯ เปิดแผนบุกตลาดบ้านมือสองภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ดันบริษัทลูก IRM Extra เปิดบริการฝากขาย-ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ทุกประเภท เน้นจังหวัดที่มีการขยายตัว นครราชสีมา ขอนแก่น และอุดรธานี เผยขณะนี้มีพอร์ตทรัพย์มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท มั่นใจตลาดขยายตัวทั้งผู้ซื้อรายย่อย และนักลงทุน เพราะเป็นภูมิภาคที่มีการพัฒนาระบบคมนาคมต่อเนื่อง
ธนันทร์เอก หวานฉ่ำ

       
       นายธนันทร์เอก หวานฉ่ำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์ เรียลตี้แมเนจเม้นท์ จำกัด (IRM) และอดีตนายกสมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทยเปิดเผยว่า หลังจากเปิดตัวบริษัทในเครือภายใต้แบรนด์ “บริษัท ไออาร์เอ็ม เอ็กซ์ตร้า จำกัด” (IRM Extra) เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น และอุดรธานี ทั้งยังได้เปิดบริการรับฝากขาย-ให้เช่าในส่วนของตลาดอสังหาริมทรัพย์มือสอง ครอบคลุมทั้งบ้าน และคอนโดที่บริหารจัดการอยู่ และกำลังขยายฐานการบริการเพิ่มไปสู่ตลาดซื้อ-ขายทั่วไปเพื่อรองรับตลาด
       
       อสังหาริมทรัพย์มือสองในภูมิภาคดังกล่าวที่มีแนวโน้มว่าปริมาณเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดการเปลี่ยนที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคและมีปริมาณบ้านมือสองในตลาดมากขึ้น เนื่องจากกลุ่มผู้บริโภคที่มีรายได้เพิ่มขึ้นจึงต้องการซื้อคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งยังมีกลุ่มนักลงทุนที่ซื้อเพื่อเก็งกำไร มีทั้งให้เช่า และขายต่อเป็นมือสองค่อนข้างมากพอสมควร ทั้งยังมีบ้านที่เหลือขาย และยังไม่โอนจากโครงการต่างๆ นอกจากนี้แล้ว ภาคอีสานได้รับความสนใจจากนักลงทุนหลังจากมีข่าวเรื่องการพัฒนาการระบบคมนาคม ส่งผลให้ตลาดบ้านมือสองมีการขยายตัวมากขึ้น
       
       นายธนันทร์เอก กล่าวเพิ่มเติมว่า โดยเฉพาะตลาดในจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งขณะนี้มีทรัพย์ประเภทบ้านมือสองที่ให้ความไว้วางใจ IRM Extra ทำหน้าที่บริหารงานขายมูลค่ามากกว่า 300 ล้านบาท และจากการทำตลาดอย่างต่อเนื่องคาดว่า ตลาดดังกล่าวน่าจะมีแนวโน้มการขยายตัวเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 20% โดยคาดว่าสิ้นปี 2558 จะมีทรัพย์เข้ามาอยู่ในพอร์ตการบริหารเพิ่มขึ้นประมาณ 500 ล้าน
       
       นอกจากนี้แล้ว ยังมีแผนที่จะเปิดตลาดอสังหาริมทรัพย์มือสองในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลเพิ่มเติมภายในต้นปี 2559 โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ประมาณ 200 ล้าน เนื่องจากสถานการณ์ของตลาดในส่วนกลางมีการแข่งขันสูง ซึ่งแตกต่างจากตลาดในส่วนภูมิภาคอย่างชัดเจน เนื่องจากคู่แข่งในตลาดยังมีน้อย และส่วนใหญ่จะเป็น Broker ท้องถิ่นซึ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นคนละกลุ่มกับของบริษัทฯ

Cr. http://manager.co.th/

วันอังคารที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

Plum Condo Central Station (พลัม คอนโด เซ็นทรัล สเตชั่น) ... ติดห้างเซ็นทรัลเวสต์เกต ใกล้รถไฟฟ้า

บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดตัวคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ค่าสุดภายใต้แบรนด์พลัม กับโครงการ Plum Condo Central Station (พลัม คอนโด เซ็นทรัล สเตชั่น) ภายใต้คอนเซปต์ ชีวิต "ติด" ใจกลาง กับทำเลคุณภาพใจกลางบางใหญ่ เพียง 0 เมตร จากศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์เกต และยังคงเกาะแนวรถสถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วง ใกล้รถไฟฟ้า MRT สถานีสามแยกบางใหญ่ ประมาณ 400 เมตร ครบครันด้วยดีไซน์อาคารที่ทันสมัย และสิ่งอำนวยความสะดวกลอยฟ้า โดยถือเป็นหนึ่งในโครงการไฮไลต์ในปีนี้ของพฤกษาฯ เลยทีเดียว
ราคาเริ่มต้น 
ราคาเริ่มต้น 1.39 ล้านบาท สำหรับห้องเล็กสุดแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 24 ตร.ม.
เจ้าของโครงการ 
บริษัท พฤกษา เรียบเอสเตท จำกัด (มหาชน)
ทำเล และสถานที่ตั้งใกล้เคียง
โครงการตั้งอยู่ติดศูนย์การค้า เซ็นทรัล เวสต์เกต ริมถนนรัตนาธิเบศร์ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เพียง 400 เมตร ถึงสถานีรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง สถานีสามแยกบางใหญ่ นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อระบบการคมนาคมอื่นอีกหลายรูปแบบ ทั้งวงแหวนรอบนอกตะวันตก, ทางด่วน, ขนส่งมวลชน และท่าเรือ รายล้อมด้วยสาธารณูปโภคครบครัน ทั้งห้างสรรพสินค้า สถานศึกษา โรงพยาบาล และสถานที่สำคัญ อาทิ
  • เซ็นทรัล เวสต์เกต
  • รถไฟฟ้า MRT สถานีสามแยกบางใหญ่
  • บิ๊กซี
  • โฮมโปร
  • อินเด็กซ์ ลีฟวิ่งมอลล์
  • ตลาดกลางบางใหญ่
  • เทสโก้ โลตัส
  • เดอะสแควร์ซิตี้ บางใหญ่
  • โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์
แผนที่โครงการ พลัม คอนโด เซ็นทรัล สเตชั่น
รูปแบบคอนโด และขนาดพื้นที่โครงการ 
  • คอนโดมิเนียม High-Rise ความสูง 38 ชั้น จำนวน 1 อาคาร
  • พื้นที่โครงการประมาณ 4-0-96 ไร่
  • ห้องชุดพักอาศัยรวม 1,208 ยูนิต
แบบห้องและพื้นที่ใช้สอย
ห้องพักของโครงการนี้มีขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่มตั้งแต่ 24 - 51 ตร.ม. โดยมีรูปแบบให้เลือกมากถึง 2 แบบด้วยกัน ดังนี้
  • แบบ 1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอยขนาด 24 , 24.5 , 26.5 ตร.ม.
  • แบบ 2 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอยขนาด 49 และ 51 ตร.ม.
ตัวอย่างแปลนห้อง แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 24 ตร.ม. (IA)
สาธารณูปโภคภายในโครงการ
  • ล็อบบี้สูง 5 เมตร
  • สระว่ายน้ำ
  • ฟิตเนส
  • ห้องซาวน่า
  • ห้องโยคะ
  • ห้อง Boxing
  • สกายเลาจน์
  • สวนสาธารณะลอยฟ้า
  • พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่
  • ลู่วิ่งจ๊อกกิ้ง
  • เลนจักรยาน
  • ห้องอ่านหนังสือ
  • ห้องเกม
  • ห้องซักผ้ารวม
  • ที่จอดรถ
  • ระบบโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV)
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง
อัพเดตความเคลื่อนไหวโครงการ
โครงการ พลัม คอนโด เซ็นทรัล สเตชั่น เปิดให้ผู้สนใจลงทะเบียนรับสิทธิ์จองคอนโดผ่านทางเว็บไซต์ของโครงการ หรือเข้าไปลงทะเบียนได้ที่ บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า บางใหญ่ และ บิ๊กซี รัตนาธิเบศร์ จนถึง 31 พ.ค. นี้ พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษ "ชมแล้วชวน! มาเป็นก๊วน ลดเป็นแสน" โดยผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปชมห้องตัวอย่างได้ที่สำนักงานขายของโครงการ
โครงการ พลัม คอนโด เซ็นทรัล สเตชั่น จะเปิด Pre-Sale ประมาณเดือน ส.ค. 58 โดยโครงการจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างประมาณเดือน ก.ย. 2558 และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณเดือน มี.ค. 2561


เปิดแผนกลุ่มทุน "ภิรมย์ภักดี" "สิงห์"ผงาดลงทุนอสังหา "คอนโด-รร.-ห้าง"ครบวงจร

เปิดแผนกลุ่มทุน "ภิรมย์ภักดี" ลุยอสังหาฯเต็มตัว วางโมเดลสร้างองค์กรมืออาชีพ ชูแบรนด์ "สิงห์ เอสเตท" เจาะตลาดพรีเมี่ยม โตก้าวกระโดด 2 หมื่นล้านใน 5 ปี ลงทุนครบวงจร คอนโด โรงแรม ไลฟ์สไตล์มอลล์ นิคมอุตฯ ซุ่มขอร่วมทุน "สยามฟิวเจอร์" ผนึกเอเย่นต์พลิกที่ดินบูมจัดสรรทั่วประเทศ ขึ้น 3 โครงการแนวรถไฟฟ้า เตรียมผุดอภิมหาโปรเจ็กต์ย่านอโศก
เปิดแผนกลุ่มทุน "ภิรมย์ภักดี" "สิงห์"ผงาดลงทุนอสังหา "
คอนโด-รร.-ห้าง"ครบวงจร
นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์พิเศษ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า "สิงห์ เอสเตท" ถือเป็นแบรนด์ใหม่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ที่แตกไลน์มาจากกลุ่มบุญรอดบริวเวอรี่ ของตระกูล "ภิรมย์ภักดี" เจ้าของเบียร์สิงห์และลีโอ

"เราเป็นน้องใหม่ของวงการ แต่แผนงานและแนวทางวางไว้ชัดเจน ภายใน 5 ปีแบรนด์นี้จะขึ้นอยู่ในระดับท็อปไฟฟ์"

ซึ่งเน้นกลยุทธ์ใช้ "จุดแข็ง" ของธุรกิจมาช่วยต่อยอด ทั้งเงินทุน ชื่อเสียง ประสบการณ์ พันธมิตร เครือข่ายเอเย่นต์ และต้นทุนจากที่ดินเก่าหรือแลนด์แบงก์ทั่วประเทศเป็นตัวขับเคลื่อน ภายใต้การบริหารจัดการของ "มืออาชีพ" โดยมีนายนริศนั่งตำแหน่งซีอีโอคนแรก

อดีตขุนพลด้านการเงินของยักษ์ค้าปลีก กลุ่มเซ็นทรัลพัฒนา หรือ CPN ดีกรีนักบัญชีวัย 53 ปี กล่าวถึงการตัดสินใจย้ายข้ามห้วยมารับตำแหน่งนี้ แบบทีเล่นทีจริงว่า "เป็นเพราะฟ้าสั่งมา"

"จริงๆ แล้วผมได้รับการทาบทามจากคุณชญานิน เทพาคำ ผู้บริหารกลุ่มบุญรอด และเป็นจังหวะที่ซีพีเอ็นมีการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ จึงคิดทำอะไรใหม่ ๆ ที่ท้าทาย เลยตกปากรับคำมาสร้างโมเดลใหม่แบรนด์ใหม่ที่นี่" นายนริศกล่าวและยอมรับว่า

"ตลอดหนึ่งปีในตำแหน่งนี้ถือว่าเป็นงานที่สนุกและท้าทายที่สุด เป็นอีกช่วงของชีวิตที่น่าจดจำ คือต้องคิดและทำทุกอย่างให้ธุรกิจเติบโตในระยะยาวแบบมืออาชีพ"

เป็นไปตามนโยบายของนายสันติ ภิรมย์ภักดี ประธานบริษัท ที่ต้องการให้ธุรกิจใหม่โตอย่างมีคุณภาพ มีธรรมาภิบาล เช่นเดียวกับ "บุญรอดบริวเวอรี่" ที่สร้างชื่อเสียงมาอย่างยาวนานถึง 80 ปี ฉะนั้นอสังหาฯแบรนด์สิงห์จะต้องมีคุณภาพและบริการที่ดี ไม่ทำให้ผู้บริโภคผิดหวัง จากกระแสโซเชียลมีเดีย เป็นช่องทางหนึ่งที่ต้องระมัดระวังและให้ความสำคัญ

"ที่สำคัญทางครอบครัวภิรมย์ภักดียินดีให้การสนับสนุนและกำหนดทิศทางในฐานะบอร์ดบริษัท แต่จะไม่เข้ามาแตะเรื่องการบริหาร จะให้มืออาชีพทำหน้าที่เต็มที่ เพื่อให้องค์กรใหม่เป็นบริษัทมหาชนจริง ๆ"

ภายใต้โจทย์ ใน 5 ปี ต้องมียอดขาย 20,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 20% ของรายได้รวมกลุ่มบุญรอดที่มีมูลค่ารวม 1 แสนล้านบาทต่อปี ขณะที่ "แลนด์แบงก์" ของกลุ่มสิงห์ฯที่มีอยู่ทั่วประเทศ เฉพาะแปลงใหญ่ ๆ อาทิ เชียงราย ใกล้วัดร่องขุ่น ประมาณ 10,000 ไร่ ขอนแก่น 10,000 ไร่ หัวหิน (ฝั่งวิวภูเขา) 10,000 ไร่ และเกาะสมุยอีกจำนวนมาก

นายนริศกล่าวว่า ในฐานะน้องใหม่จึงต้องคิดหนักว่าจะทำอย่างไรให้ธุรกิจแตกต่างจากคู่แข่ง จากประสบการณ์อสังหาฯแต่ละเซ็กเมนต์ก็มีเจ้าตลาดอยู่แล้ว อาทิ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์, แสนสิริ, เอพี, พฤกษา เรียลเอสเตท, แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ ฯลฯ แต่ละผู้ประกอบการก็มีความโดดเด่นแตกต่างกันไป

"อย่างแลนด์ฯก็มีแนวทางชัดเจน และได้รับการยอมรับทั้งผู้บริโภคและนักลงทุน เช่นเดียวกับกลุ่มซีพีเอ็นที่เด่นเรื่องรีเทล"

ดังนั้น นโยบายการพัฒนาโครงการของสิงห์ฯจะเน้นทำครบทุกเซ็กเตอร์ ทั้งบ้าน คอนโดมิเนียม อาคารสำนักงานให้เช่า โรงแรม ไลฟ์สไตล์มอลล์ และนิคมอุตสาหกรรม แต่มีเซ็กเมนต์ชัดเจนคือเน้นตลาดกลางขึ้นบน

"เราจะเลือกพัฒนาเฉพาะโครงการที่มีคุณภาพ เน้นระดับพรีเมี่ยม ส่วนตลาดกลางลงล่างที่จับลูกค้าแมส แล้วเน้นเรื่องต้นทุนต่ำ เราจะไม่ทำ เพราะจะสร้างความแตกต่างจากโครงการอื่นๆยาก"

นายนริศย้ำว่า กลยุทธ์หลักบริษัทจะเน้นเรื่องพันธมิตรคือจะเข้าไปร่วมทุนทำธุรกิจ ก่อนหน้านี้เข้าไปถือหุ้น 51% ในบริษัท เนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ร่วมพัฒนาโครงการบ้านระดับไฮเอนด์อนาคตอันใกล้จะมีพันธมิตรใหม่เพิ่มเข้ามา โดยเราไม่ได้ปิดกั้น

ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากัน 2-3 ราย ล่าสุดเพิ่งได้ชาวต่างชาติที่เป็นมืออาชีพด้านธุรกิจโรงแรม ซึ่งเตรียมจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ โดยเซ็นบันทึกข้อตกลงหรือเอ็มโอยูร่วมกัน พร้อมทีมงานด้านการทำตลาด และการขายห้องพัก อนาคตกลุ่มสิงห์ฯน่าจะมีโรงแรมในพอร์ตร่วม 20 แห่ง และต้องมีพนักงานร่วม 5,000 คน

สเต็ปการลงทุนช่วง 5 ปีนับจากนี้ จะให้น้ำหนักธุรกิจโรงแรมเป็นหลัก รองลงมาคือ อาคารสำนักงานให้เช่า และที่อยู่อาศัย ส่วนนิคมอุตสาหกรรมคงต้องรออีก 2-3 ปี ขณะที่การพัฒนาไลฟ์สไตล์มอลล์นั้นขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาส

"เรากำลังศึกษารูปแบบ เพราะถ้าทำมอลล์ก็ต้องไม่เหมือนรายอื่น เพราะธุรกิจนี้แข่งขันสูง มีผู้เล่นเยอะ อย่างไรก็ตาม บริษัทจะไม่ลงทุนพัฒนาศูนย์การค้าขนาดใหญ่แบบเซ็นทรัลแน่นอน"

ล่าสุด สิงห์ เอสเตท ได้ซื้อที่ดินทำเลดีอีก 3 แปลง คือ 1.ที่ดินริมถนนรัตนาธิเบศร์ ติดรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีบางรักใหญ่ ก่อนถึงแยกบางพลู เนื้อที่ 3-4 ไร่ เพิ่งซื้อเมื่อ 6 เดือนก่อน 2.ที่ดินแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง ติดศูนย์การค้าเซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ และ 3.ที่ดินติดสิงห์เบียร์เฮ้าส์ อโศก เกือบ 1 ไร่ ซื้อมาราคาตารางวาละ 7-8 แสนบาท

ถือว่าแพงมากแต่จำเป็น เพื่อเชื่อมกับที่ดินเก่าที่มีอยู่ 1 ไร่ครึ่ง รวมเป็นประมาณ 2 ไร่ เพื่อพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ ทั้ง 3 แปลงเตรียมพัฒนาเป็นคอนโดฯ ส่วนโครงการแรกที่จะเปิดตัวก่อนคือ ทำเลตรงเบียร์สิงห์เฮ้าส์ ย่านอโศก เยื้อง ๆ แกรมมี่ การออกแบบคืบหน้าไปมากแล้ว จะเปิดตัวเดือนกันยายนปีนี้

ถือเป็นโครงการระดับซูเปอร์ลักเซอรี่ ราคาขายตารางเมตรละ 2 แสนบาทขึ้นไป

ถือเป็นโปรเจ็กต์นำร่องที่เน้นดีไซน์และจุดขายที่แตกต่าง หวังสร้างการจดจำให้กับแบรนด์สิงห์ เอสเตท

ส่วนที่ดิน 2 แปลงติดแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง จะเปิดตัวโครงการปีหน้า

คอนเซ็ปต์เป็นโครงการคุณภาพระดับพรีเมี่ยม แต่ขยับเซ็กเมนต์ลงมาเจาะกลุ่มชนชั้นกลางที่ต้องการอยู่คอนโดฯ ที่มีสภาพแวดล้อมที่ดี เน้นใช้วัสดุคุณภาพ แต่ราคาเอื้อมถึง วิเคราะห์ว่ามีดีมานด์อยู่พอสมควร และไม่กังวลเรื่องซัพพลายคอนโดฯล้นตลาด เพราะได้ออกแบบโครงการให้ตรงความต้องการของลูกค้าเป้าหมาย

"ทั้ง 2 แปลงถ้าพัฒนาแล้ว น่าจะมีมูลค่าขายโครงการละ 2 พันล้านบาท เป็นตลาดระดับกลาง เน้นเกรดพรีเมี่ยม ส่วนตัวเชื่อว่าถ้าโครงการดี อาจแพงหน่อยแต่ไม่แพงมาก ก็มีคนพร้อมจะจ่าย ส่วนคอนโดฯที่อโศกน่าจะมีมูลค่าขายกว่า 4 พันล้านบาท ภาวะโอเวอร์ซัพพลายขณะนี้ยังไม่น่าเป็นห่วง เพราะสิ่งที่เป็นตัวชี้วัดคือดีมานด์ ถ้าทำเลดี ดีไซน์สวย ตรงกลุ่มเป้าหมาย แม้ซัพพลายจะมาก แต่เชื่อว่าขายได้แน่"

ส่วนการรุกตลาดต่างจังหวัดนั้น นายนริศกล่าวว่า จะเดินหน้าไปพร้อมกันโดยใช้จุดแข็งกลุ่มบุญรอดที่มีเอเย่นต์ขายเบียร์อยู่ทั่วประเทศ ล่าสุดเจรจากับเอเย่นต์บ้างแล้ว ในรายที่มีที่ดินทำเลดีสามารถพัฒนาโครงการได้ทันที

"ขณะนี้เจรจากันอยู่ 2-3 รายในต่างจังหวัด คิดจะทำบ้านจัดสรร มองว่าสไตล์บ้านของเนอวานาฯน่าจะไปได้ เพราะต่างจังหวัดยังไม่มีบ้านสไตล์โมเดิร์นที่แตกต่าง ส่วนใหญ่พัฒนาบ้านที่มีหลังคารูปทรงปั้นหยา

จากกระแสข่าว บมจ.สิงห์ เอสเตท กำลังเจรจาร่วมทุนกับ บมจ.สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ (SF) นายนริศยอมรับว่าคุยกันจริง แต่เป็นเรื่องปกติของธุรกิจ เพราะส่วนตัวมีความสนิทสนมกับนายวิชา พูลวรลักษณ์ ซีอีโอ บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในเอสเอฟ

"ทางเซ็นทรัลพัฒนาก็คุยกัน ถือว่าคุยกันหมด ถามว่าเรามีโอกาสร่วมทุนกันหรือไม่ ตอนนี้ผมไม่สามารถตอบได้ แต่ก็ยังไม่คืบหน้าอะไรมาก" นายนริศกล่าวยิ้ม ๆ

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีดารานักแสดงชื่อดัง "นุ่น-วรนุช วงษ์สวรรค์" สะใภ้ของกลุ่มบุญรอดฯ ที่ทำธุรกิจเรียลเอสเตทนั้น ทางสิงห์ฯได้เข้าบริหารหรือซื้อกิจการด้วยหรือไม่ นายนริศกล่าวชัดเจนว่า "ไม่เกี่ยวกัน เพราะโครงการของคุณนุ่นเป็นธุรกิจส่วนตัว ทำด้วยความชอบมากกว่า ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับทางบุญรอดฯ แต่เผอิญคุณนุ่นแต่งงานกับคุณต๊อด ทายาทเบียร์สิงห์ ฉะนั้น สิงห์ เอสเตท ไม่คิดเทกโอเวอร์เลย"

เลาะแนวสายสีชมพู "แคราย-หลักสี่" (1) 13 สถานี คอนโดมิเนียมเปิดสนั่น 6 พันยูนิต

คอลัมน์ เล็งทำเล
หลังจากเดือนธันวาคมปี"55 บอร์ด "รฟม.-การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย" มีมติเห็นชอบลงทุนโครงการ "รถไฟฟ้าสายสีชมพู" ช่วงแคราย-มีนบุรี ทำให้นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายค่ายต่างทยอยขึ้นคอนโดมิเนียมดักอนาคตกันอย่างคึกคักตลอดเส้นทาง
13 สถานี คอนโดมิเนียมเปิดสนั่น 6 พันยูนิต
รถไฟฟ้าสายสีชมพูออกแบบเป็นรางเดี่ยวแบบยกระดับตลอดเส้นทาง ระยะทาง 34.5 กิโลเมตร มีจุดจอด 30 สถานี ถือเป็นเส้นทางที่ค่อนข้างยาว การสำรวจจึงแบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงแรกตัดตอนจาก"แคราย-หลักสี่" รวม 13 สถานี (ไม่รวมสถานีศูนย์ราชการ จ.นนท์) ช่วงที่สองจาก "รามอินทรา-มีนบุรี"

สำหรับช่วงแรกแคราย-หลักสี่ ถือว่าเป็นย่านชุมชน มีศูนย์ราชการ ศูนย์การค้า โรงพยาบาล และสถานศึกษา อีกทั้งสามารถเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่สถานีศูนย์ราชการ จ.นนทบุรี เพื่อนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมือง ทำให้บริเวณนี้เป็นทำเลทองการพัฒนาโครงการ

"มิสเซอร์เวย์" สำรวจพบว่า ตั้งแต่ "แคราย-หลักสี่" มีผู้ประกอบการผุดคอนโดมิเนียมไม่ต่ำกว่า 12 โครงการ รวมกันกว่า 6,770 ยูนิต ราคาเริ่มยูนิตละ 1 ล้าน อาคารพาณิชย์อย่างน้อย 1 โครงการ ที่น่าสังเกตคือส่วนใหญ่มียอดขาย 70-90% ยกเว้นบางโครงการที่เพิ่งเปิดปลายปีที่ผ่านมามียอดขาย 20-30%

ในอนาคต หากรถไฟฟ้าสายสีชมพูก่อสร้างแล้วเสร็จ คาดว่าจะเป็นตัวผลักดันราคาคอนโดฯ เปิดใหม่พุ่งปรู๊ดปร๊าดทะลุเกิน 2 ล้านบาท

"ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม" รองเอ็มดี บมจ.ศุภาลัย เจ้าของแบรนด์ศุภาลัยในโซนนี้อย่างน้อย 4 โครงการ รวมกว่า 2 พันยูนิต ระบุว่า คอนโดฯ ทำเลติดถนนแจ้งวัฒนะนับจากช่วงห้างเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ-บิ๊กซี ถือว่าตลาดตอบรับดี กลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นคนทำงานในโซนหลักสี่ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ และบางส่วนซื้อไว้ลงทุนปล่อยเช่า

"ราคาที่ดินติดถนนแจ้งวัฒนะปัจจุบันเสนอขายตารางวาละ 1.5-2 แสนบาท ช่วง 1 ปีที่ผ่านมาปรับขึ้น 9-10% ถือว่าขยับขึ้นค่อนข้างเร็ว" คำกล่าวจากไตรเตชะ

แยกแครายประชัน 4 โครงการ

จุดเริ่มต้นสำรวจ "แยกแคราย" พบว่า สี่แยกชื่อดังแห่งนี้มีคอนโดฯ เดอะพาร์คแลนด์ ของ บจ.นารายณ์ พร็อพเพอร์ตี้ 635 ยูนิต สร้างเสร็จขายหมดแล้ว กับคอนโดฯศุภาลัย ปาร์ค แคราย-งามวงศ์วาน ตึกสูง 34 ชั้น 697 ยูนิต

จากนั้นมุ่งหน้าถนนติวานนท์ ไปตามแนวรถไฟฟ้าสายสีชมพู บริเวณแยกปากเกร็ดเห็นป้ายโฆษณา "เดอะไพรเวซี่ ติวานนท์" ของ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท ตั้งลึกเข้าไปในซอยติวานนท์ 50 ห่างรถไฟฟ้า 300 เมตร ออกแบบ 2 อาคาร ก่อสร้างแล้วเสร็จแต่เปิดขายอาคารแรกก่อน เป็นตึก 7 ชั้น 156 ยูนิต ขายได้กว่า 90% แล้ว เริ่มต้นแบบ 1-2 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 22-50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นยูนิตละ 1.3 ล้านบาท กำลังจัดโปรโมชั่นลดสูงสุด 2 แสนบาท

อีกโครงการ "ศุภาลัย วิสต้า ห้าแยกปากเกร็ด" ตึกสูง 30 ชั้น 404 ยูนิต กำหนดสร้างเสร็จกลางปี"60 ห้องชุดสตูดิโอเริ่มต้น 31 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.6-1.7 ล้านบาท มียอดขายแล้ว 80-90%

แจ้งวัฒนะคอนโดฯทะลัก

จากห้าแยกปากเกร็ดมุ่งหน้า "ถนนแจ้งวัฒนะ" มีโครงการ "ฮอลล์มาร์ค" โดย บจ.ชีวาทัย ของครอบครัวพานิชชีวะร่วมกับกลุ่มทุนสิงคโปร์ เป็นตึก 8 ชั้น 2 อาคาร รวม 427 ยูนิต ไซซ์ห้องชุดเริ่ม 24 ตร.ม.ราคาเริ่มต้น 1.3 ล้านบาท มียอดขายแล้วกว่า 70% จะสร้างเสร็จภายในปีนี้

ใกล้กับตึกซอฟท์แวร์ปาร์ค มีคอนโดฯ "แอสโทร" ตึกสูง 37 ชั้น 484 ยูนิต ของ บจ.เอ-สตาร์ พร็อพเพอร์ตี้ ของกลุ่มทุนไทย-สิงคโปร์ ตึกสร้างเสร็จ กวาดยอดขายมากกว่า 90%

จากจุดนี้มุ่งหน้าไป 2-3 กิโลเมตร ผ่านจุดขึ้นลงทางด่วนและทางเข้าเมืองทองธานี มีคอนโดฯ เกิดขึ้นติด ๆ กันถึง 6 โครงการ ได้แก่ เดอะซี้ด 210 ยูนิต ของค่ายพฤกษาฯ, เดอะเบส 2 อาคาร รวม 1,231 ยูนิต ของ บมจ.แสนสิริ

โครงการกรีเน่ 22 ชั้น 376 ยูนิต ของ บจ.ปรีดา โฮลดิ้ง ที่แตกไลน์จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง มียอดขายกว่า 80%, ยี่ห้อเก๋ ๆ "เรียล" 31 ชั้น 837 ยูนิต ของ บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ ยอดขายกว่า 30%, ศุภาลัย ลอฟท์ 28 ชั้น 435 ยูนิต ขายกว่า 90% กับศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท แจ้งวัฒนะ 24 ชั้น 752 ยูนิต ที่อยู่ติดกัน ยอดขายกว่า 30%

รายกลางบุกศูนย์ราชการ

จากดงคอนโดฯ มุ่งหน้าผ่านแยกคลองประปาไปทางศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ ผ่านศูนย์การค้าไอทีสแควร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร สิ้นสุดจุดสำรวจก่อนเข้าวงเวียนหลักสี่ สังเกตเห็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น สไตล์โมเดิร์น "มิกซ์ทาวน์" ของ บจ.ร่มเกล้าเพลซ มี 38 ยูนิต

ใกล้ ๆ กันมีคอนโดฯ "เรสต้า แจ้งวัฒนะ" ในซอยแจ้งวัฒนะ 12 ของ บจ.ไรซ์ซิ่ง เอสเตท สูง 5 ชั้น 4 ตึก 80 ยูนิต เริ่มต้นแบบ 1 ห้องนอน 28.5 ตร.ม. ราคาเริ่ม 1.53 ล้านบาท อัพเดตข้อมูลปิดการขายเฟสแรก อยู่ระหว่างโอนกรรมสิทธิ์ ส่วนเฟส 2 เป็นตึก 7 ชั้น 1 อาคาร 78 ยูนิต เหลือขายกว่า 10 ยูนิต

ช่วงก่อนถึงวงเวียนหลักสี่เป็นที่ตั้งของ "รีเจนท์ โฮม 15 แจ้งวัฒนะ-หลักสี่" ของ บจ.รีเจนท์ กรีน เพาเวอร์ ตึกสูง 14 ชั้น 2 อาคาร รวม 1,358 ยูนิต ห้องชุดแบบสตูดิโอ 31 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 9.99 แสนบาท แบบว่า...ขายหมดแล้ว

บทสรุปทำเลแนวรถไฟฟ้าสีชมพู "แคราย-หลักสี่" พบว่าดีเวลอปเปอร์หลายรายผุดโครงการดักอนาคตรถไฟฟ้าสายสีชมพู ราคาเริ่มต้นยูนิตละ 1 ล้านบาท ส่วนใหญ่มียอดขาย 70-90% เพราะเปิดตัวมา 2-4 ปี ยกเว้นเรียลที่เปิดตัวปลายปี 2557 และศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท เปิดตัวปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา

ทำเลทองซะขนาดนี้ เชื่อว่ารถไฟฟ้าเริ่มตอกเข็มเมื่อไหร่ โครงการที่อยู่อาศัยสารพัดรูปแบบคงลงทุนเปิดตัวใหม่คึกคักสนั่นไปทั้งสายแน่นอน


ติดตามข่าวสารผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ค ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
www.facebook.com/PrachachatOnline
ทวิตเตอร์ @prachachat

วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

เลาะแนว สายสีชมพู (จบ) 14สถานี"รามอินทรา-มีนบุรี"บ้านหรู-คอนโดฯ1-2ล้าน ขึ้นพรึ่บ!

คอลัมน์ เล็งทำเล โดย มิสเซอร์เวย์
หลังจากลงพื้นที่สำรวจแนวเส้นทางก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู ตัดตอนช่วงแรกจากแคราย-หลักสี่มาแล้ว ถึงคิวช่วงสุดท้ายจาก"หลักสี่-มีนบุรี" อีก 14 สถานี สังเกตว่าเป็นโซนที่กำลังเปลี่ยนจากที่อยู่อาศัย "แนวราบ"มาเป็นคอนโดมิเนียม "แนวสูง" เนื่องจากราคาที่ดินขยับขึ้นต่อเนื่อง


บิ๊กแบรนด์ขอแจม 

ความเคลื่อนไหวโครงการอสังหาริมทรัพย์โซนนี้ เริ่มต้นจาก "ถนนรามอินทรา"ช่วงวงเวียนหลักสี่ใกล้ห้างเซ็นทรัล ติดกับห้างมีบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ เจ้าตลาดคอนโดมิเนียมระดับกลาง-ล่าง มาปักหมุดขึ้นคอนโดฯ 3 แบรนด์ ลุมพินีเพลส ลุมพินีวิลล์ และลุมพินีคอนโดทาวน์ รวมทั้งหมดกว่า 2 พันยูนิต ทำเลประชิดห้างเซ็นทรัล รามอินทรา และซอยรามอินทรา 3 ตั้งแต่ 3-4 ปีก่อน 

มุ่งหน้าตามถนนรามอินทรา ผ่านสนามมวยลุมพินีแห่งใหม่ ฟู้ดแลนด์ ซอยมัยลาภ ถัดจากซอยมัยลาภไปสักพักมีโครงการ "ดีคอนโด" ของค่ายแสนสิริ ทำเลติดริมถนนใหญ่ มี 4 ตึก 825 ยูนิต ปรากฏว่าปิดการขายแล้ว

แยกวัชรพลโซนจัดสรร

แล่นรถผ่านแยกวัชรพล เลี้ยวรถเข้าไปในซอยรามอินทรา 65 ที่เชื่อมต่อกับถนนวัชรพลได้ จะเจอกับดงหมู่บ้านจัดสรรระดับกลางอยู่ติด ๆ กัน เริ่มตั้งแต่ต้นซอยมีโครงการ "เดอะเทอเรส" ทาวน์โฮม 3 ชั้น สไตล์โมเดิร์นของค่ายแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มาดักกำลังซื้อ ทั้งโครงการมีเกือบ 300 ยูนิต บนที่ดิน 22-24 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 132-172 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.5 ล้านบาท 

แล่นรถเข้าไปตามถนนผ่าน 5 แยกวัชรพล เลี้ยวเข้าถนนร่วมมิตรพัฒนาจะเจอกับบ้านเดี่ยว-ทาวน์โฮม 5 โครงการ เริ่มจาก 1) โครงการบ้านเดี่ยวแบรนด์มัณฑนา ของแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ 2) โครงการเฟิร์สโฮม ทาวน์โฮม 2 ชั้น 3) โครงการเพล็กซ์ ทาวน์โฮม 3 ชั้น จำนวน 91 ยูนิต ที่ดินเริ่มต้น 22 ตร.ว. ราคาเริ่มต้นประมาณ 4.4 ล้านบาท จาก บจ.เรียล แอสเสท ดีเวลอปเม้นท์ 4) โครงการพราวด์เพลส ของ บจ.บีพลัส กรุ๊ป เป็นบ้านเดี่ยว 61 ยูนิต เปิดตัวเมื่อปี"55 ราคาเริ่มต้นยูนิตละ 4 ล้าน และ 5) โครงการเดอะริกโค่ บจ.พูนผลทรัพย์ จำนวน 245 ยูนิต ที่ดินเริ่มต้น 20.6 ตร.ว. ราคา 3.99 ล้านบาท ของ "บุศรี หวั่งหลี" บุตรสาว "ประจักษ์ ตั้งคารวคุณ" เจ้าของสีทีโอเอ 

เมื่อย้อนกลับมาตั้งต้นบนถนนรามอินทราใหม่ ช่วง กม.8 จะเห็นคอนโดฯลุมพินี รามอินทรา-นวมินทร์ 4 ตึก รวมกว่า 2,500 ยูนิต จุดเด่นคือเข้าออกได้จากฝั่งถนนรามอินทราและถนนนวมินทร์ ปัจจุบันปิดการขายแล้วเหลือแต่ห้องรีเซล

เลยไปไม่ไกล ปี"57 มีบริษัทมหาชน 2 ราย "เสนาดีเวลอปเม้นท์" เปิดโครงการเสนา พาร์คแกรนด์ บ้านเดี่ยวระดับกลาง-บนเมื่อไตรมาส 2 ปีที่ผ่านมา ทั้งหมด 174 ยูนิต ราคาเริ่มต้นหลังละ 6.5 ล้านบาท มียอดขาย 30% และครึ่งปีหลังเตรียมนำที่ดินอีกแปลงทำเลใกล้กัน พัฒนาเป็นบ้านแฝด 200 ยูนิต ราคาประมาณ 4 ล้านบาท ส่วน "เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น" ปักธงโครงการแบรนด์แกรนด์ บางกอกบูเลอวาร์ด รัชดา-รามอินทรา 2 เป็นบ้านหรูสไตล์ทัสคานี ราคาเริ่มต้น 25-35 ล้านบาท 

ราคาที่ดินแตะวาละ 1.5 แสน

"ขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ" ผู้ถือหุ้นใหญ่จากไซมิส แอสเสท ระบุว่า มีที่ดินบนตรงข้ามแฟชั่นไอส์แลนด์ประมาณ 100 ไร่ ในจำนวนนี้ได้แบ่ง 10 ไร่ มาพัฒนาคอนโดฯ เฟสแรก 2 ไร่ พัฒนาโครงการบลอสซั่มคอนโด@แฟชั่น 326 ยูนิต พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้นประมาณ 326 ยูนิต มียอดลูกค้าจองสิทธิ์ไว้ 200 ยูนิต จะเปิดขายเป็นทางการเดือนมิถุนายนนี้

ขณะที่ราคาที่ดินริมถนนรามอินทราและถนนรามอินทรา-รัชดา มีตั้งแต่ ตร.ว.ละ 1-1.5 แสนบาท ขึ้นกับ FAR-Floor Area Ratio หรืออัตราส่วนพื้นที่อาคารต่อเนื้อที่ดิน ที่มีตั้งแต่ 3-10 เท่า 

"ถ้ารถไฟฟ้าสายสีชมพูเริ่มต้นมองว่าราคาที่ดินมีโอกาสขึ้นไปแตะตารางวาละ 1.5-2 แสนบาท และถ้ารถไฟฟ้าเปิดใช้น่าจะขยับขึ้นไปเป็น 3 แสนบาท" นายขจรศิษฐ์ระบุ

ส่วนถนนรามอินทรานับจากช่วงแยกสวนสยามไปชนถนนร่มเกล้า ส่วนใหญ่เป็นบ้านจัดสรรระดับกลางบน อาทิ โครงการแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ดรามอินทรา และไลฟ์ บางกอก บูเลอวาร์ดของ บมจ.เอสซี แอสเสทฯ, โครงการกรีนิซของกลุ่มรับเหมาไทยโพลีคอนส์ ฯลฯ ส่วนคอนโดฯสังเกตเห็นโครงการเอวาคัส การ์เด้นท์ ของ บจ.สยาม อมาโก้ โฮลดิ้งส์ เป็นตึก 8 ชั้น 50 ยูนิต ราคาเริ่มต้นกว่า 2 ล้านบาท 

แต่เมื่อถึงวันที่รถไฟฟ้าเริ่มตอกเข็ม คาดกันว่าจะเริ่มเห็นคอนโดฯเปิดตัวคึกคักกันมากกว่านี้

"ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ "จุกอกกำลังซื้อซึมยาว จัดเซตขายราคาถูก"โพเดียม-โยธกา" รัดเข็มขัด-ลดสต๊อก 20%

เฟอร์นิเจอร์งัดกลยุทธ์รับมือเศรษฐกิจชะลอ "ร้อกเวิธ" คลอดสินค้าใหม่ราคาย่อมเยาลง 20-30% ขยายฐานออฟฟิศเฟอร์นิเจอร์เจาะลูกค้ากำลังซื้อระดับซี "โพเดียม-โยธกา" ลดสต๊อกวัตถุดิบ คุมค่าใช้จ่าย ส่วน "พลัสเซนส์" เจรจาโชว์รูมเฟอร์นิเจอร์เพิ่มช่องทางขายสินค้า

นายไชยยงค์ พงษ์สุทธิมนัส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ร้อกเวิธ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตออฟฟิศเฟอร์นิเจอร์ เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า บริษัทวางแผนรับมือเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัวและผู้บริโภคที่ระมัดระวังการใช้จ่ายโดยผลิตออฟฟิศเฟอร์นิเจอร์รุ่นใหม่แบบทั้งเซตประกอบด้วย โต๊ะทำงาน เก้าอี้ ตู้เก็บเอกสาร ฉากกั้น ที่มีราคาย่อมเยาลงกว่าเดิม 20% เพื่อขยายฐานลงมาจับกลุ่มลูกค้าระดับบี จากเดิมจับกลุ่มบีบวก-เอ เช่น เดิมโต๊ะทำงานราคาตั้งแต่ตัวละ 6-7 พันบาทขึ้นไป รุ่นใหม่จะเหลือประมาณ 5 พันบาท ฯลฯ รับกับเจ้าของออฟฟิศควบคุมงบฯตกแต่งหรือปรับปรุงสำนักงาน และขยายฐานเจาะออฟฟิศเจ้าของธุรกิจระดับเอสเอ็มอี อย่างไรก็ตาม สินค้าใหม่ยังคงรักษาคุณภาพ แต่ลดฟังก์ชั่น และใช้ชิ้นส่วนอุปกรณ์เดิมที่มีอยู่ในการผลิตเพื่อประหยัดต้นทุน 
"ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ "จุกอกกำลังซื้อซึมยาว จัดเซตขายราคาถูก"
โพเดียม-โยธกา" รัดเข็มขัด-ลดสต๊อก 20%
ทั้งนี้ การดำเนินธุรกิจปีนี้จะต้องรัดเข็มขัดควบคุมค่าใช้จ่าย ชะลอลงทุนเพื่อลดความเสี่ยง รับมือกลุ่มลูกค้าโครงการที่ชะลอควบคุมค่าใช้จ่ายการปรับปรุงหรือตกแต่งออฟฟิศ เพราะยังประเมินไม่ได้ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวเมื่อไหร่ โดยปีนี้ตั้งเป้ายอดขายกว่า 600 ล้านบาท เท่ากับปีที่ผ่านมา แบ่งสัดส่วนเป็นในประเทศและส่งออก 85 : 15

นายจาริก เมาฬิกุลไพโรจน์ ประธานกรรมการ บริษัท โพเดียม โฮมเซ็นเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ "โพเดียม" เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัวปีนี้ตั้งเป้ารักษายอดขายเท่าเดิมที่ 500 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนเป็นตลาดส่งออก 85% เช่น ญี่ปุ่น ยุโรป ฯลฯ และในประเทศ 15% โดยมีโชว์รูมในประเทศ 3 แห่งคือ ศรีนครินทร์ ชลบุรี และถนนรัชดาภิเษก กลยุทธ์จะให้ความสำคัญ 2 ส่วนคือ 1) การควบคุมค่าใช้จ่ายด้วยการลดสต๊อกวัตถุดิบและลดสต๊อกสินค้า 10-20% 2) เพิ่มการทำโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขาย

สำหรับสถานการณ์ไตรมาสแรกที่ผ่านมาถือว่าไม่ดี วัดจากโชว์รูมโพเดียมสาขาศรีนครินทร์ จากช่วงเศรษฐกิจปกติเคยมีลูกค้าเข้าร้านเฉลี่ยเดือนละ 3 พันคนปัจจุบันเหลือ 1.7-1.8 พันคน หรือยอดซื้อต่อรายลดลง

ด้านลูกค้าต่างชาติก็ลดความถี่การสั่งสินค้า นอกจากนี้ยังเจอปัญหาต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากไม้นำเข้าจากประเทศสหรัฐปรับขึ้นราคา อาทิ ไม้โอ๊ก ไม้วอลนัต ไม้ทิมเมอร์ ฯลฯ เทียบกับต้นปี 2557 ต้นทุนโดยรวมปรับขึ้นมาแล้ว 15%

"ตั้งแต่ทำธุรกิจเฟอร์นิเจอร์มากว่า 30 ปีช่วงนี้ถือว่าหนัก ตลาดส่งออกยุโรปไม่ดี เพราะก่อนหน้านี้ค่าเงินยูโรอ่อนลง กระทบการสั่งซื้อสินค้านำเข้า ถือว่าปีนี้เป็นช่วงเวลาที่ต้องประคอง แต่ยังไม่ถึงขั้นตอนเลย์ออฟพนักงานที่มีอยู่ 600-700 คน"

นายสุวรรณ คงขุนเทียน กรรมการผู้จัดการ บริษัท โยธกา อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ "โยธกา" เปิดเผยว่า บริษัทปรับแผนเพื่อรับมือเศรษฐกิจชะลอตัว จากเดิมที่จับตลาดส่งออกผ่านผู้นำเข้าหรือบายเออร์ต่างชาติ มาเป็นการขายตรงเข้างานโครงการในต่างประเทศ เช่น อินเดีย สหภาพเมียนมาร์ ฯลฯ ส่งผลให้ 2 เดือนแรกมียอดขายใกล้เคียงปีก่อนประมาณ 10 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทปรับตัวเรื่องการควบคุมค่าใช้จ่าย โดยปรับลดการสต๊อกวัตถุดิบจากเดิม 3 เดือน เหลือ 1 เดือน เพื่อป้องกันเงินจม

แหล่งข่าวจากบริษัท พลัสเซนส์ จำกัด ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์หวายสังเคราะห์ เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขาย 40 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนเป็นยอดขายในประเทศและส่งออก 80 : 20 ช่วง 2 เดือนแรกที่ผ่านมายอดขายในประเทศและส่งออกชะลอตัว

บริษัทปรับตัวจากเดิมเน้นตลาดงานโครงการโรงแรม-รีสอร์ตเป็นหลัก จะขยายตลาดค้าปลีกโดยมองหาโชว์รูมเฟอร์นิเจอร์เพื่อนำสินค้าเข้าไปจำหน่าย รวมถึงนำเสนอวัตถุดิบใหม่ ๆ ในการผลิตเฟอร์นิเจอร์ ล่าสุดเปิดตัวเก้าอี้รุ่นใหม่ที่ใช้เชือกที่ผลิตจากวัสดุโพลีพร็อพเพอลีนมาขึงเป็นพนักพิงเก้าอี้ เพื่อสร้างความแตกต่าง


ติดตามข่าวสารผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ค ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
www.facebook.com/PrachachatOnline
ทวิตเตอร์ @prachachat


พระราม 2 ฮอต! ผังเมืองเปลี่ยนสีจุดเปลี่ยนอสังหาฯ

พระราม 2 ฮอต! ผังเมืองเปลี่ยนสีจุดเปลี่ยน
อสังหาฯ
อสังหาฯ พระราม 2 ฮอตไม่หยุดจุดเปลี่ยนทำเลทองหลังสีผังเมืองเปลี่ยนใช้ประโยชน์ที่ดินได้มากขึ้น ทั้งยังได้เปรียบในเชิงภูมิศาสตร์เดินทาง เข้า - ออก สู่ใจกลางเมืองย่านสีลม-สาทรได้สะดวก รวดเร็ว ทั้งคนในพื้นที่เป็นเจ้าของธุรกิจมีกำลังซื้อสูงหนุนราคาที่ดินพุ่งเท่าตัว ด้าน “ปริญญา เธียรวร” ซีอีโอ วี.เอ็ม.พี.ซี. สบช่องธุรกิจแทรกช่องว่างตลาดผุดบ้านเดี่ยวทำเลเด่น ครบทุกฟังก์ชั่นการใช้สอย “แอสเทรา ไพร์ด @ พระราม2” 47 ยูนิตราคาเริ่ม 24.9 ล้านบาทรวมมูลค่า 1,300 ล้านบาท ในปีนี้พร้อมวางแผนโครงการใหม่ปีหน้าย่านพระราม 2 อีกโครงการมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท
       
       พระราม 2 เป็นทำเลทองที่มีความเคลื่อนไหวการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาอย่างต่อเนื่อง และเห็นภาพชัดเจนขึ้นเมื่อ ปี 2556 ที่มีเหล่าบรรดาบิ๊กเนมอสังหาฯ เข้าไปปักหมุดผุดโครงการดันราคาที่ดินพุ่งเฉียดเท่าตัว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีการปรับเปลี่ยนการใช้ประโยชน์ที่ดินของหน่วยงานรัฐที่ประกาศปรับสีผังเมืองใหม่จากสีเหลือง-ส้มเป็นสีส้ม ทำให้สามารถสร้างอาคารขนาดใหญ่ได้ ทั้งนี้หากแต่มองทางด้านกายภาพของทำเลย่านพระราม 2 นั้นสามารถแบ่งได้เป็น 4 โซนหลักๆ ดังนี้ โซน A เริ่มตั้งแต่ถนนสุขสวัสดิ์-วงแหวนรอบนอก โซน B ช่วงวงแหวน-วัดพันท้ายนรสิงห์ (ขอบกทม.) โซน C วัดพันท้ายนรสิงห์-สมุทรสาคร (พอร์โต้ ชิโน่) และ โซน D ตั้งแต่สมุทรสาคร-เพชรบุรี โดยแต่ละช่วงของทำเลดังกล่าวก็มีความเคลื่อนไหวการลงทุนอสังหาฯ ที่แตกต่างกัน
       
       ทั้ง 4 โซน A กับโซน C มีศักยภาพมากสุด “ปริญญา เธียรวร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท วี.เอ็ม.พี.ซี. จำกัด กล่าวให้ความเห็นพร้อมกับขยายความว่า โซน A ได้ประโยชน์จากการปรับสีผังเมืองใหม่ ส่วน โซน C ก็เป็นโซนที่มีการตั้งโรงงานหรือลงทุนในอุตสาหกรรมที่มีนิคมสินสาคร มีโรงงานแช่แข็งรายใหญ่ตั้งอยู่หลายราย และเป็นทำเลที่คนมีเงินอยู่อาศัยมากสุด ขณะที่ โซน B พื้นที่ย่านนั้นเป็นเขตสีผังเมืองเขียว-ลาย สร้างที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยวได้อย่างน้อย 100 ตร.ว. ขึ้นไป
       
       นอกจากนี้หากพิจารณาถึงศักยภาพทางด้านภูมิศาสตร์แล้วจะเห็นว่าโซนพระราม 2 สามารถเดินทางเข้าสู่ใจกลางกรุงเทพฯ(ย่านสีลม-สาทร)ได้เร็วมากใช้เวลาไม่เกิน 45 นาที และสามารถเลือกใช้เส้นทางได้หลายทางซึ่งเทียบกับทำเลโซนรามอินทรา กม.12 หากจะเดินทางมายังสีลม-สาทร ก็สามารถเลือกใช้ทางด่วนเส้นทางเดียวเท่านั้น และในอนาคตหากเส้นทางการก่อสร้างรถไฟฟ้าวิ่งต่อสายสีม่วงถึง ประชาอุทิศ-วงแหวนอุตสาหกรรมบริเวณแยกสุขสวัสดิ์ตัดพระราม 2 จะมีสถานีรถไฟฟ้า ยิ่งจะมีทางเลือกในการเดินทางมากขึ้น อีกทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ทั้งโรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า โรงเรียน สวนสาธารณะ ประกอบกับในอนาคตทำเลใกล้เคียงอื่นๆ อาทิ ย่านเจริญนคร ที่มีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ เช่น ไอคอนสยาม จะยิ่งช่วยสนับสนุนให้ทำเลทองกรุงเทพฝั่งตะวันตกบูมยิ่งขึ้น ทิศทางการขยายตัวของเมืองเปลี่ยนจะช่วยเพิ่มมูลค่าของอสังหาฯ ได้ในอนาคต
       
       ด้วยศักยภาพของทำเลที่ตั้งทำให้มีผู้ประกอบการจำนวนมากเข้ามาพัฒนาโครงการชิงส่วนแบ่งการตลาดจากผู้ประกอบการท้องถิ่น และส่วนใหญ่เป็นโครงการคอนโดมิเนียม แต่สำหรับบริษัทฯ ได้พยายามที่จะหาช่องว่างทางการตลาดซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จด้านการขายค่อนข้างมาก และเพื่อเป็นการทดลองจึงลงทุนในโครงการที่ขนาดไม่ใหญ่ โดยโครงการแรกคือ โครงการเอสเทร่า เรสซิเด้นท์ พระราม 2 - พุทธบูชา บ้านเดี่ยวสไตล์โมเดิร์น จำนวน 10 ยูนิตมูลค่าโครงการรวม 150 ล้านบาท เป็นบ้านขนาด 3 ชั้นครึ่ง บนพื้นที่ 62 ตร.ว.ขึ้นไป พื้นที่ใช้สอย 365 ตร.ม. จอดรถได้ 3 คัน
       
       โดยภาพรวมของตลาดราคาบ้านในย่านนั้นราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 7 ล้านบาทต่อยูนิต บริษัทฯ พัฒนาออกมาขายเพียง 10 ยูนิต ๆ ละ 15 ล้านบาท ขายหมดในปีเดียวและเป็นที่น่าสังเกตได้ว่า ณ วันที่เปิดจองคุณลูกค้า 3 ใน 7 ระบุจะจ่ายเงินสด โดยใน 7 ท่าน ที่ซื้อระบุว่าจะขอสินเชื่อเงินกู้จากธนาคาร แต่เมื่อสร้างเสร็จและถึงกำหนดส่งมอบโอนบ้านให้ลูกค้าจะเห็นว่า 7 ท่านเดิม ที่ระบุว่าจะขอกู้ ธนาคารนั้นกลับซื้อบ้านด้วยเงินสด ขณะที่ 3 ท่านที่ระบุจะจ่ายสด ณ วันโอนนั้นเปลี่ยนเป็นการขอกู้ธนาคารแทน ซึ่งนั่นสะท้อนภาพชัดว่าผู้ที่ต้องการซื้อและอยู่อาศัยในย่านนั้นเป็นกลุ่มคนมีเงิน ซึ่งปัจจุบันโครงการดังกล่าวก็โอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้าแล้วทั้งหมด 

พระราม 2 ฮอต! ผังเมืองเปลี่ยนสีจุดเปลี่ยนอสังหาฯ
จากข้อมูลที่มีและประสบการณ์ที่ได้จากโครงการแรกทำให้บริษัทฯ กล้าที่จะเดินหน้าลงทุนในโครงการที่ 2 ซึ่งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าที่บริเวณแยกสุขสวัสดิ์ตัดพระราม 2 คือ โครงการ แอสเทรา ไพร์ด @ พระราม 2 บนเนื้อที่กว่า 10 ไร่ พัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว 47 ยูนิต มูลค่า 1,300 ล้านบาท โดยแต่ละยูนิต ตั้งอยู่บนเนื้อที่เริ่ม 60 ตร.ว.ขึ้นไป พื้นที่ใช้สอย 480 ตร.ม. เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้นให้เลือก 3 แบบ ขนาด 3 ห้องนอนและ 2 ห้องนอน ห้องรับแขก ห้องแม่บ้านพร้อมห้องน้ำ จอดรถได้ 3 คัน เป็นบ้านสร้างเสร็จก่อนขายราคาเริ่ม 24.9 ล้านบาทขึ้นไป
       
       “กลุ่มลูกค้าที่ซื้อโครงการ Astera Pride @ Rama II จะเหมือนกับโครงการแรกคือ ซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยจริงมากกว่า 2 ครั้ง ซึ่งหมายความว่าคนที่ซื้อเกือบ 100% เคยมีประสบการณ์ในการเลือกซื้อบ้านมาพอสมควร และถึงแม้เราจะเป็นแบรนด์ใหม่แต่ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค” นายปริญญา กล่าว
       
       พร้อมกันนี้ผู้บริหารของ บริษัท วี.เอ็ม.พี.ซี. ยังระบุว่า การพัฒนาโครงการในแต่ละโครงการนั้นจะให้ความสำคัญในเรื่องของทำเลที่ตั้งโครงการ ที่อยู่อาศัยทุกยูนิตจะให้เน้น และใส่ใจในรายละเอียดทุกประเด็นตามหลักปรัชญาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทที่ว่า “ทำบ้านที่ดีให้คนอยู่จริงๆ” ซึ่งบ้านที่ดีจะต้องดีทั้งภายในและภายนอก เพื่อให้ใช้ประโยชน์ได้คุ้มที่สุด และที่อยู่อาศัยแต่ละหลังจะมีการออกแบบให้ถูกหลัก ฮวงจุ้ย คำนึงถึงความเหมาะสมทิศทางของลม และแสงเป็นหลัก นอกจากนี้ในปี 2559 มีแผนจะพัฒนาโครงการใหม่อีก 1 แห่งย่านพระราม 2 เป็นโครงการขนาดค่อนข้างใหญ่ เป็นบ้านเดี่ยว 200 ยูนิต มูลค่ารวมกว่า 2,300 ล้านบาท
       
       “การชะลอตัวของเศรษฐกิจ และระดับหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้นได้ส่งผลกระทบเชิงลบต่อภาคธุรกิจ เรียลเซกเตอร์ซึ่งก็รวมถึงอสังหาริมทรัพย์ด้วยเหตุนี้จึงอาจเห็นจุดเปลี่ยนของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ใหญ่หลายรายหันมาพัฒนาธุรกิจในรูปแบบเช่าหรือเข้าสู่ธุรกิจค้าปลีก เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างฐานรายได้กระจายความเสี่ยง แทนที่ที่อดีตเคยทำเฉพาะพัฒนาเพื่อขายเพียงอย่างเดียว” นายปริญญา กล่าว

Cr. http://manager.co.th/

"ดิ เอ็กซ์คลูซีฟ แจ้งวัฒนะ - ติวานนท์" GRAND OPENING 23-24 พ.ค. นี้ เริ่ม 1.99 ล้านบาท

GRAND OPENING ดิ เอ็กซ์คลูซีฟ แจ้งวัฒนะ - ติวานนท์ วันที่ 23 - 24 พ.ค. นี้ ราคาเริ่มที่ 1.99 ล้านบาท*



พีซแอนด์ลีฟวิ่ง เตรียมเปิดตัวโครงการ "ดิ เอ็กซ์คลูซีฟ แจ้งวัฒนะ - ติวานนท์ (The Exclusive Chaengwattana-Tiwanon)" ในวันที่ 23-24 พฤษภาคม 2558 นี้ พร้อมเปิดให้ลงทะเบียนในเว็บไซต์เพื่อรับส่วนลดเพิ่ม 10,000 บาท* พบกันได้ที่สำนักงานขายโครงการดิ เอ็กซ์คลูซีฟ แจ้งวัฒนะ - ติวานนท์ ราคาเริ่มที่ 1.99 ล้านบาท 
"ทาวน์โฮม 2 ชั้น สไตล์โมเดิร์น ด้วยการก่อสร้างที่มีคุณภาพด้วยอิฐมอญทั้งหลัง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน คลับเฮ้าส์ สระว่ายน้ำ และพื้นที่สวนสวยรายล้อมรอบโครงการ พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยด้วยระบบ Access Card และกล้องวงจรปิด CCTV รอบโครงการ และความสะดวกสบายกับเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่จะเปิดใช้ในอนาคต"

ดิ เอ็กซ์คลูซีฟ แจ้งวัฒนะ - ติวานนท์ เป็นโครงการทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.5 เมตร
  • 3 ห้องนอน  2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
  • พื้นที่ใช้สอยประมาณ 130 - 140 ตารางเมตร
โครงการ ดิ เอ็กซ์คลูซีฟ แจ้งวัฒนะ - ติวานนท์ ตั้งอยู่ถนนสุขาประชาสรรค์ 2 ตำบลบางพูด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 11120 เดินทางได้สะดวก สามารถเข้าออกได้ ทั้งถนนแจ้งวัฒนะ และถนนติวานนท์ ใกล้กับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่จะเปิดใช้ในอนาคต