วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เทคนิคการตกแต่งห้องนั่งเล่นให้เหมาะสมและน่าสนใจ

เทคนิคการตกแต่งห้องนั่งเล่นให้เหมาะสมและน่าสนใจ
 เทคนิคการตกแต่งห้องนั่งเล่นให้เหมาะสมและน่าสนใจ
ห้องนั่งเล่นถือเป็นห้องที่สำคัญอีกห้องของบ้าน สำคัญไม่เป็นรองห้องอื่นๆภายในบ้าน หากจะให้ห้องนั่งเล่นดูน่าสนใจมากขึ้นนั้น การจัดสรรพื้นที่ใช้สอยนี้ให้สวยงามและคุ้มค่าที่สุด การเลือกเฟอร์นิเจอร์ให้เข้ากับพื้นที่และการออกแบบ รวมไปถึงการเลือกสีมาตกแต่งควรเลือกให้เหมาะสมกับห้องและเฟอร์นิเจอร์ด้วยนะค่ะ
สิ่งที่ควรคำนึงถึงในการตกแต่งห้องนั่งเล่น
 เทคนิคการตกแต่งห้องนั่งเล่นให้เหมาะสมและน่าสนใจ
1.ตำแหน่งเฟอร์นิเจอร์ 
ห้องนั่งเล่นเป็นห้องที่ใช้สอยหลักของสมาชิกภายในบ้านทำกิจกรรมร่วมกัน ดังนั้นแล้วควรจัดพื้นที่ใช้สอยให้มากที่สุด ควรเป็นห้องที่กว้างขวาง เข้าออกได้ง่าย ไม่ควรใช้เฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัว เก้าอี้และโซฟาควรจัดวางติดผนังหรือบริเวณมุมห้อง อาจใช้เก้าอี้เสริมที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ เพื่อรองรับแขก หากไม่อยากเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์บ่อยๆ ควรเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์แบบ built in ได้นะค่ะ
 เทคนิคการตกแต่งห้องนั่งเล่นให้เหมาะสมและน่าสนใจ
2.แสงสว่างและสีสัน
แสงสว่างถือว่าสำคัญของทุกห้องภายในบ้าน ห้องนั่งเล่นก็เช่นกัน ควรมีแสงสว่างที่เพียงพอ ไม่ทึบอับเกินไป สีของห้องควรเป็นสีที่อบอุ่น สดชื่น สบายตา  หากอยากให้พื้นที่ของห้องนั่งเล่นมีมิติ มีชีวิตชีวาและสวยงามเพิ่มขึ้น อาจหาโคมไฟมาประดับตกแต่งได้แถมยังเพิ่มความสว่างให้กับห้องอีกด้วย
 เทคนิคการตกแต่งห้องนั่งเล่นให้เหมาะสมและน่าสนใจ
3.ความสำคัญของพื้นห้อง
สำหรับพื้นของห้องนั่งเล่นนั้น ควรคำนึงถึงความนุ่มสบายเวลานั่งกับพื้นโดยตรง อาจใช้พรมปูพื้นที่สะดวกต่อการทำความสะอาดด้วยนะค่ะ
4.เครื่องใช้ไฟฟ้าสร้างความบันเทิง
เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ส่วนมากมีติดห้อง นั่นคือ TV และชุดโฮมเทียร์เตอร์ ควรจัดวางอยู่ในพื้นที่ที่เหมาะสม สามารถดูได้ทุกมุม ไม่ควรลอยตัวจากผนังมากนัก และควรมีชั้นวางอุปกรณ์หรือลำโพงเพื่อความเป็นระเบียบสวยงาม

"กทม."ผวาน้ำท่วม ลงทุนแสนล้านผุดเพิ่ม3อุโมงค์ยักษ์นำร่องก.ค.นี้ประมูล"บึงหนองบอน"6พันล.

กทม.รีวิว แผนป้องกันน้ำท่วมกรุง เฟ้นโปรเจ็กต์เร่งด่วน ลงทุนกว่า 1.1 แสนล้านเนรมิตครบระบบคลองสายหลัก ปรับปรุงท่อเก่า ผุดอุโมงค์ยักษ์เพิ่ม 3 แห่ง "บึงหนองบอน-ทวีวัฒนา-บางกะปิ" ครอบคลุมพื้นที่โซนตะวันออก-ตะวันตก เผยปลายปี"59 อุโมงค์ใต้คลองบางซื่อเสร็จกู้วิกฤต 8 พื้นที่ "ห้วยขวาง ดินแดง พญาไท จตุจักร ลาดพร้าว วังทองหลาง บางซื่อ ดุสิต"

นาย กังวาฬ ดีสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ขณะนี้กำลังปรับปรุงแผนป้องกันและแก้ไขน้ำท่วมกรุงเทพฯใหม่ เพื่อสอดรับกับงบประมาณประจำปีที่ได้รับเฉลี่ยปีละ 3-4 พันล้านบาท โครงการที่ไม่สามารถดำเนินการได้ต้องชะลอไปก่อน จะแก้ไขเฉพาะโครงการเร่งด่วนเพื่อบรรเทาปัญหา แบ่งดำเนินการเป็น 3 ระยะ คือ ระยะสั้นไม่เกิน 2 ปี ระยะกลาง 2-5 ปี และระยะยาว 5-10 ปี จากเดิมทำแผนทุก 4 ปี ทั้งนี้ หากจะให้แผนบริหารจัดการน้ำครบสมบูรณ์ต้องใช้เงินลงทุนหลักแสนล้านบาท กับต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าจะเบ็ดเสร็จ

เมืองโตเร็ว-เงินลงทุนมีจำกัด

"เมือง เปลี่ยนไปตลอดเวลาเพราะเกิดการพัฒนามาก ทั้งที่อยู่อาศัย การก่อสร้างโครงการต่าง ๆ ขณะที่งบประมาณ กทม.มีจำกัด พื้นที่ไหนเป็นจุดอ่อนก็หยิบขึ้นมาดำเนินการก่อน"โดยแผนงานหลักระบบป้องกัน น้ำท่วมคาดว่าใช้เงินลงทุน 113,130 ล้านบาท เริ่มดำเนินการปี 2558 เป็นต้นไปประกอบด้วย 1.ปรับปรุงระบบคลองหลักกว่า 20 คลองพร้อมแนวป้องกันเขื่อนวงเงินกว่า 60,000 ล้านบาท เพื่อระบายน้ำจากพื้นที่ด้านเหนือลงพื้นที่ด้านใต้ และด้านตะวันออกไปตะวันตกไม่รวมระบบคลองย่อยที่จะระบายน้ำลงในพื้นที่ลุ่ม ต่ำ

2.ปรับปรุงระบบท่อระบายน้ำที่ใช้งานมานาน 30 ปีในพื้นที่กว่า 10 เขตวงเงินกว่า 40,000 ล้านบาท ที่ผ่านมาไม่สามารถดำเนินการได้เร็วเนื่องจากมีแนวระบบสาธารณูปโภคกีดขวาง จำนวนมาก หากดำเนินการจะทำให้เกิดปัญหารถติดจึงต้องปรับวิธีการโดยสร้างบ่อสูบแทน

ผุดอุโมงค์ยักษ์เพิ่ม 3 แห่ง

3.สร้าง อุโมงค์ระบายน้ำขนาดใหญ่เพิ่ม ขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำใต้คลองบางซื่อ จากคลองลาดพร้าวถึงแม่น้ำเจ้าพระยา เริ่มจากบริเวณถนนรัชดาภิเษกลอดใต้คลองบางซื่อไปออกแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณเกียกกายครอบคลุมพื้นที่การระบายน้ำประมาณ 56 ตร.กม. พื้นที่เขตห้วยขวาง ดินแดง พญาไท จตุจักร ลาดพร้าว วังทองหลาง บางซื่อ และดุสิต อุโมงค์มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 5 เมตร ยาว 6.4 กม. พร้อมสถานีสูบน้ำกำลังสูบ 60 ลบ.ม./วินาที ค่าก่อสร้าง 2,500 ล้านบาท กำหนดเสร็จปลายปี 2559 ภายในปีนี้ได้รับงบฯสร้างอุโมงค์บึงหนองบอน 5,900 ล้านบาท เตรียมเปิดประมูลก.ค.นี้ จะได้ผู้รับเหมาและเริ่มก่อสร้าง ก.ย.นี้ เริ่มจากบริเวณบึงรับนํ้าหนองบอนลอดใต้คลองหนองบอน คลองตาช้าง ถนนอุดมสุข สุขุมวิท 101/1 คลองบางอ้อ ออกแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณพื้นที่บริษัทไม้อัดไทยครอบคลุมพื้นที่ 85 ตร.กม. ได้แก่ เขตประเวศ บางนา พระโขนงสวนหลวง เป็นอุโมงค์ระบายน้ำเส้นผ่านศูนย์กลาง 5 เมตร ยาว 9.4 กม. พร้อมสถานีสูบน้ำกำลังสูบ 60 ลบ.ม./วินาที ใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี กำหนดแล้วเสร็จปี 2562

ขออัดฉีดเพิ่มในงบฯปี"59

นาย กังวาฬกล่าวอีกว่า ในปี 2559 จะของบประมาณจากรัฐบาลก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำเพิ่ม 2 แห่ง มีอุโมงค์ระบายน้ำคลองทวีวัฒนาบริเวณคอขวด 1,912.9 ล้านบาท ก่อสร้าง 2 ปี (2559-2560) เป็นอุโมงค์ระบายน้ำเส้นผ่านศูนย์กลางกว่า 3.5 เมตร ความยาว 2 กม. เพิ่มประสิทธิภาพคลองทวีวัฒนาให้สามารถระบายน้ำหลากจากพื้นที่ตอนบน ผ่านกรุงเทพฯฝั่งธนบุรีลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา โครงการแก้มลิงคลองมหาชัย-คลองสนามชัย แม่น้ำท่าจีน และลงสู่อ่าวไทย โดยระบายน้ำผ่านคลองทวีวัฒนา 32 ลบ.ม./วินาที และอุโมงค์ระบายน้ำ พร้อมอาคารรับน้ำ 1,500 ล้านบาท ต่อเชื่อมจากอุโมงค์ระบายน้ำคลองแสนแสบเดิม บริเวณปากคลองลาดพร้าวช่วงถนนพระราม 9 ไปถึงบางกะปิ ระยะทาง 3 กม. ก่อสร้าง 2 ปี ช่วยป้องกันน้ำท่วมเขตบึงกุ่ม บางกะปิ วังทองหลาง เป็นต้น

"แม้หัวใจสำคัญแก้น้ำท่วมกทม.อยู่ที่การพัฒนาระบบคลอง ท่อระบายน้ำให้รองรับน้ำฝนได้มากขึ้น แต่อุโมงค์ระบายน้ำยังตอบโจทย์ป้องกันน้ำท่วม เพราะเป็นการช่วยเร่งระบายน้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำและคลองสายหลักลงสู่แม่น้ำ เจ้าพระยาได้เร็วขึ้น"

รื้อบุกรุกคลองลาดพร้าว

นอกจากนี้ยังได้รับงบประมาณปี 2558 เพิ่มเติมจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) 3,700 ล้านบาท รื้อย้ายผู้บุกรุกริมคลองกว่า 3 พันครัวเรือน และขยายคลองลาดพร้าวให้ระบายน้ำจากเดิม 15-20 ล้าน ลบ.ม./วินาที เป็น 40 ล้าน ลบ.ม./วินาที จะใช้เวลา 4 ปี (2558-2562) ช่วยรับน้ำพื้นที่เขตสายไหม บางเขน หลักสี่ จตุจักร วังทองหลาง ลาดพร้าว และห้วยขวาง และได้รับงบฯ 118 ล้านบาทขุดลอก 36 คลอง

อย่างไรก็ตาม ช่วง ต.ค.-พ.ย.นี้เป็นช่วงที่มีน้ำมาพร้อม ๆ กัน คือ น้ำฝน น้ำทุ่ง น้ำเหนือ น้ำทะเลหนุน โดย "น้ำฝน" ฤดูกาลจะเริ่มช่วง พ.ค.-ต.ค. มีปริมาณและความถี่สูงสุดกลาง ส.ค.-ต.ค. เฉลี่ยต่อปี 1,500 มม. ประกอบกับเป็นช่วงที่เกิดพายุหมุนเขตร้อนเคลื่อนเข้ามาในประเทศไทยและใกล้ กรุงเทพฯ ส่วน "น้ำทุ่ง" คือน้ำฝนหรือน้ำเพื่อการกสิกรรมอยู่ด้านเหนือและตะวันออกของกรุงเทพฯ โดยความรุนแรงขึ้นอยู่กับปริมาณ ระดับน้ำ และความลาดเอียงของระดับพื้นดินที่ทรุดตัว ด้าน "น้ำเหนือ" เป็นน้ำฝนที่ตกในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ไหลผ่านกรุงเทพฯมีผลให้ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาสูงสุดในช่วง ต.ค.-พ.ย. จะรองรับปริมาณน้ำเหนือได้ 2,500-3,000 ลบ.ม./วินาที กับ "น้ำทะเลหนุน" จะสูงสุดในช่วง ต.ค.-ธ.ค. ทั้งนี้ จากการประเมินคาดว่าจะมีน้ำน้อย

"เจริญ" บุก "เกษตร-นวมินทร์" ทุ่ม8พันล.ขึ้นศูนย์ประชุมยักษ์

กลุ่มทีซีซีแลนด์ของเจ้าสัวเจริญขยับใหญ่ ขานรับ กทม.เปลี่ยนสีผังเมือง พลิกที่ดินเก่า 100 ไร่ย่านเกษตร-นวมินทร์ ทุ่ม 8 พันล้านขึ้น 3 โครงการ "ศูนย์ประชุม-ออฟฟิศ-โรงแรม" เฟสแรกปั้นศูนย์ประชุมแสดงสินค้าระดับชาติ 2 แสน ตร.ม. คาดเสร็จปลายปี"59

ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" สำรวจความเคลื่อนไหวการลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ทำเลถนนประเสริฐมนูกิจ หรือชื่อเดิมถนนเกษตร-นวมินทร์ เพราะอนาคตจะมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งอยู่ระหว่างรอสรุปว่าจะก่อสร้างรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีน้ำตาล (แคราย-บึงกุ่ม) หรือทางด่วนขั้นที่ 3 จากแยกเกษตร-แยกบางใหญ่ พบว่าแม้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีความพร้อมยังเดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง ล่าสุดกลุ่มทีซีซีแลนด์ได้ขยับแผนลงทุนโครงการขนาดใหญ่แล้ว

ปัดฝุ่นที่ดินกว่า 100 ไร่ 

จากการลงพื้นที่พบว่า ขณะนี้บริษัท ทีซีซี เวิลด์ จำกัด ในเครือทีซีซีแลนด์ บริษัทพัฒนาที่ดินของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี กำลังลงทุนก่อสร้างโครงการแบบมิกซ์ยูส หรือผสมผสานการใช้งาน บนที่ดินผืนใหญ่กว่า 100 ไร่ ทำเลตรงข้ามโครงการนวมินทร์ซิตี้ อเวนิว ซึ่งก่อนวิกฤตฟองสบู่ปี 2540 กลุ่มทีซีซีเคยนำที่ดินผืนนี้มาพัฒนาโครงการศูนย์การประชุมและแสดงสินค้า แต่ตัดสินใจชะลอไว้ก่อน

ลักษณะที่ดินผืนนี้อยู่ติดถนน 2 ฝั่ง ด้านหน้าติดถนนประเสริฐมนูกิจ หน้ากว้าง 300-400 เมตร และมีความลึกนับร้อยเมตรไปชนถนนเสนานิคมที่อยู่ด้านหลัง เบื้องต้นใช้ชื่อว่าโครงการนวมินทร์ เฟส 1 จะพัฒนาเป็นอาคารศูนย์การประชุมและแสดงสินค้า อาคารสำนักงาน โรงแรม 200 ห้อง และที่จอดรถกว่า 2,000 คัน ปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้างงานฐานรากและพื้นชั้นใต้ดิน มีบริษัท สยามจีโอ เทคนิค จำกัด และบริษัท ฤทธา จำกัด เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 2559

แหล่งข่าวในวงการพัฒนาที่ดินเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ทีซีซีแลนด์กลับมาพัฒนาโครงการเก่าอีกครั้ง เนื่องจากกรุงเทพมหานคร (กทม.) มีการปรับสีผังเมืองเมื่อปี 2556 ทำให้ทำเลแถบบริเวณนี้สามารถพัฒนาและใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น จากเดิมผังเมืองรวม กทม.กำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินเป็นพื้นที่สีเหลือง หรือที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย ได้ปรับเปลี่ยนที่ดินส่วนใหญ่เป็นพื้นที่สีแดง (พื้นที่พาณิชยกรรม) ทำให้พัฒนาอาคารที่มีพื้นที่ใช้สอยได้เพิ่มขึ้น คือมีอัตรา FAR-Floor Area Ratio หรือสัดส่วนอาคารต่อเนื้อที่ดิน 7 ต่อ 1 เท่า หรือที่ดิน 1 ไร่ สร้างพื้นที่ใช้สอยได้ 1,600 ตารางเมตรกลุ่มนี้มีแผนจะบูมทำเลย่านนี้ เพราะอนาคตจะมีรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายหรืออาจเป็นทางด่วน เพราะมีตอม่ออยู่แล้วตลอดสายทาง ประกอบกับละแวกนี้มีที่อยู่อาศัยและคอมมิวนิตี้มอลล์ทยอยเกิดขึ้นต่อเนื่อง อาทิ โครงการนวมินทร์ ซิตี้ อเวนิว, โครงการพาร์ค เอกซ์โซ่ ของ บมจ.ณุศาศิริ โครงการเดอะวอล์คของกลุ่มอินเด็กซ์ รวมไปถึงโครงการซีดีซีของกลุ่มเค.อี.แลนด์ ฯลฯ" แหล่งข่าวกล่าว

นำร่องศูนย์ประชุม 2 แสน ตร.ม.

รูปแบบการพัฒนาที่ดินนั้น แหล่งข่าวกล่าวว่า จะแบ่งเป็น 2-3 เฟส ใช้งบฯลงทุนรวม 7,000-8,000 ล้านบาท เฟสแรกจะก่อสร้างเป็นอาคารศูนย์การประชุมและแสดงสินค้า พื้นที่ทั้งหมด 200,000 ตารางเมตร เป้าหมายต้องการให้แจ้งเกิดเหมือนศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ แต่จะแยกพัฒนาส่วนแรกก่อน 60,000 ตารางเมตร คาดว่าใช้เวลาอีก 2-3 ปีจะแล้วเสร็จ ซึ่งถือว่ามีขนาดใกล้เคียงกับศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ในปัจจุบัน 

ส่วนเฟส 2-3 ประกอบด้วย อาคารสำนักงานและโรงแรมกว่า 200 ห้อง เพื่อรองรับผู้แสดงสินค้าและบริษัทที่ต้องการเช่าพื้นที่อาคารสำนักงาน นอกจากนี้อาจพิจารณาพัฒนาโครงการเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ หรือพื้นที่ค้าปลีกในอนาคตด้วย 

"ถนนประเสริฐมนูกิจปัจจุบันมีสภาพคล้ายกับถนนรัชดาภิเษกเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ซึ่งทำเลตอนนั้นยังไม่มีรถไฟฟ้าใต้ดิน แต่เมื่อเกิดระบบขนส่งมวลชนแล้ว สภาพแวดล้อมเจริญขึ้นมาก จากย่านร้านอาหารและเต็นท์รถแบบเดิม ๆ ปัจจุบันกลายเป็นคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่ อาคารสำนักงานรูปทรงแปลก ๆ โรงแรม และสถานบันเทิง เชื่อว่าในอนาคตถนนประเสริฐมนูกิจก็จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกัน ยิ่งมีการปรับเปลี่ยนสีผังเมืองเป็นสีแดง เท่ากับเปิดโอกาสให้เอกชนพัฒนาได้เต็มที่"

Cr.http://www.prachachat.net/

ไม่นานเกินรอ! คาดรถไฟไฮสปีด กทม.- เชียงใหม่ เริ่มก่อสร้างปี 61

27 มิ.ย. กระทรวงคมนาคม คาดโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเส้นทาง กรุงเทพฯ – เชียงใหม่ จะเริ่อก่อสร้างปี 2561
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตัวแทนจากกระทรวงก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ประเทศญี่ปุ่น ได้ประชุมกับกระทรวงคมนาคมในโครงการความร่วมมือการพัฒนารถไฟระหว่างไทย-ญี่ปุ่น หารือใน 3 ประเด็น คือ รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ-เชียงใหม่, รถไฟทางคู่ เส้นทางกรุงเทพ-กาญจนบุรี-สระแก้ว และการขนส่งสินค้าทางราง



เส้นทางแรกที่จะทำการศึกษาคือ เส้นทางกรุงเทพ-เชียงใหม่ จะเริ่มจากการทบทวนผลการศึกษาความเป็นไปได้และการออกแบบเบื้องต้นจากข้อมูลเดิมที่มีอยู่แล้ว ใช้ระยะเวลา 3 เดือน โดยทางญี่ปุ่นจะศึกษาความเหมาะสมฉบับเต็ม หลังจากนั้นจะทำการสำรวจออกแบบคาดว่าจะเริ่มไดัในปี 2559 ใช้เวลา 1 ปี คาดว่าจะได้ข้อสรุปเบื้องต้นกลางปี 2559 ก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรีเพื่อขอหลักการในการดำเนินโครงการ และเริ่มการก่อสร้างภายในต้นปี 2561

ขณะเดียวกันโครงการนี้ ทางประเทศญี่ปุ่นมีข้อกังวลและต้องการใช้ความรอบคอบในการสำรวจออกแบบ และศึกษาสภาพกายภาพภูมิศาสตร์อย่างละเอียด เนื่องจากรถไฟความเร็วสูงของญี่ปุ่นมีมาตรฐานและมีความปลอดภัยมากที่สุดในโลก

สำหรับการก่อสร้างจะเแบ่งเป็น2 ช่วง คือ เส้นทางกรุงเทพ -พิษณุโลก และ เส้นทางพิษณุโลก -เชียงใหม่ โดยกระทรวงคมนาคม ได้ขอให้ทางญี่ปุ่นส่งทีมสำรวจเส้นทางโดยเร็ว คาดจะเริ่มสำรวจได้ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม 

ทั้งนี้ในส่วนของรูปแบบการร่วมทุน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม มีความเห็นว่ารูปแบบการร่วมทุนเป็นรูปแบบที่เหมาะสมที่สุด แม้ว่าตามหลักการต้องทำการศึกษาความเป็นไปได้ให้แล้วเสร็จก่อน จึงจะมีการหารือถึงรูปแบบการลงทุนได้ แต่ทางไทยเห็นควรว่า ต้องทำการหารือกันตั้งแต่ต้น โดยทางญี่ปุ่นเสนอว่าอาจจะหาบริษัทที่ปรึกษามาช่วยดูในส่วนของรูปแบบการลงทุนและการเงิน ซึ่งหลังจากนี้ทั้งสองฝ่ายจะมีการประชุมร่วมกันทุกๆ 3 เดือน 



ที่มา สำนักข่าวไทย

มองข้ามชอตอสังหาฯ Q3 (4) ดบ.ต่ำ+โปรดักต์ตรึงราคา=โอกาสผู้บริโภค

ไตรมาส 3/58 ที่นับถอยหลังเหลือเวลาอีกไม่กี่วัน บรรยากาศที่คึกคักของการจัดแคมเปญโปรโมชั่นเริ่มมีให้เห็นหนาหูหนาตา แนวโน้มจะเป็นไตรมาสที่สดใสหรือไม่ ติดตามคำตอบจากผู้บริหารค่ายอสังหาริมทรัพย์บิ๊กเนม
"เลอศักดิ์ จุลเทศ" ผู้บริหารระดับสูงค่ายพฤกษา เรียลเอสเตท บริษัทที่เป็นเจ้าของโครงการอยู่ระหว่างขาย 180 โครงการ มูลค่าร่วม 77,000 ล้านบาท เปิดประเด็นแบบชวนคุยว่า ธรรมชาติธุรกิจอสังหาฯไตรมาส 3 จะดีกว่าไตรมาส 2 และไตรมาส 2 ดีกว่าไตรมาส 1 เพราะฉะนั้น โดยอัตโนมัติแนวโน้มไตรมาส 3 นี้จึงมองว่าเป็นช่วงขาขึ้น

กลยุทธ์การแข่งขันของพฤกษาฯยังคงเน้นโครงการแนวราบเป็นรายได้หลักผสมผสานกับโครงการแนวดิ่งหรือคอนโดมิเนียมและยังเดินตามแผนที่ประกาศว่าปีนี้จะเปิดตัว 70 โครงการ แบ่งไปเปิดไตรมาส 1 จำนวน 14 โครงการ ไตรมาส 2 คาดว่า 11-12 โครงการ หมายความว่าอีกไม่ต่ำกว่า 40 โครงการจะเกลี่ยเปิดตัวในครึ่งปีหลัง

ในด้านตัวเลข บริษัทนี้มีข้อมูลละลานตากันเลยทีเดียว เจาะตัวเลขยอดพรีเซลพบว่า 5 เดือนแรกทำได้แล้ว 19,500 ล้านบาท เฉพาะ พ.ค.เดือนเดียวทำได้ดีที่ 4,200 ล้านบาท จากสถิติทำให้พฤกษาฯค่อนข้างอุ่นใจว่ายังทำได้ตามแผนที่วางไว้

ในด้านโครงการแนวดิ่ง ปีนี้จะเป็นปีที่รายรับขยับเข้ารอบพอดี จากแบ็กล็อก (ยอดขายรอโอน) เมื่อสิ้นปีཱུ รวม 34,000 ล้านบาท จะโอนในปีนี้ 22,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายรับจากแนวดิ่ง 16,500 ล้านบาท ในขณะที่รายได้รวมวางแผนให้สัดส่วนแนวราบ 70% ที่เหลือแนวดิ่ง 30%

"แนวราบจะเป็นสินค้าตัวหลักของบริษัท โดยเฉพาะทาวน์เฮาส์ที่เราเป็นเจ้าตลาดอยู่ ไตรมาส 1 มีส่วนแบ่งตลาด 13% ก็ขยับขึ้นเป็น 15% โดยกลุ่มราคาต่ำกว่า 5 ล้านมีจำนวน 92% และสูงกว่า 5 ล้านมีสัดส่วน 8% ในจำนวนนี้สินค้าราคาต่ำล้านมี 1% ในแง่สินเชื่อบ้านลูกค้าพฤกษาฯมียอดปฏิเสธสินเชื่อลดลงจาก 7% เหลือ 5%"

ผู้บริหารพฤกษาฯแจกแจงด้วยว่า ตัวเลขดีขึ้นทุกตัวเพราะมีกิมมิก สร้างเร็วโอนเร็วที่เรียกว่า Ready to Move in สร้างเสร็จพร้อมอยู่ ลูกค้ามีเงินนอนรอในกระเป๋า ถ้าพรีแอปพรูฟสินเชื่อผ่าน จับทำสัญญา-โอนกรรมสิทธิ์ได้รวดเร็วภายใน 7-15 วัน

อีกราย "ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม" รองเอ็มดีค่ายศุภาลัย ถอดรหัสแนวโน้มให้ฟังว่า จนถึงวันนี้ภาคอสังหาฯยังไม่ได้พลิกกลับมาดีอย่างที่คาด ถึงแม้ครึ่งปีแรกของปีนี้จะดีกว่าช่วงเดียวกันของปีཱུ แต่ไม่ดีเท่าที่ผู้ประกอบการหวังไว้ เพราะฉะนั้นไตรมาส 3 ปีนี้จะเป็นอีกไตรมาสที่คงเหนื่อยหน่อย ทุกคนรอรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายและสายใหม่ ที่จะช่วยปลุกความคึกคักให้กับอสังหาฯ

ประเด็นอยู่ที่ความชัดเจนว่า รัฐบาลจะเร่งรัดลงทุนโครงการได้รวดเร็วแค่ไหน

"ต้องเรียนว่าตอนนี้เป็นโอกาสดีของลูกค้า ถามว่าเศรษฐกิจแย่ไหม ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น ตัวเลขคนตกงานก็ไม่ได้แย่ เพียงแต่โดยสภาพทำให้ดีเวลอปเปอร์ไม่กล้าขึ้นมาร์จิ้น (ส่วนต่างกำไร) ทั้งที่ต้นทุนบางส่วนปรับราคาขึ้นด้วยซ้ำ อย่างราคาวัสดุก่อสร้างที่วิ่งขึ้นติดต่อกัน 3 ปี"

ในเมื่อการแข่งขันรุนแรง ซัพพลายทั้งเก่าและใหม่มีมหาศาล โอกาสเห็นการทำโปรโมชั่นแบบเซอร์ไพรส์มีหรือไม่

"ไตรมาส 3 แนวโน้มจะฟื้นตัวจากไตรมาส 2 แต่ถามว่าดีเวลอปเปอร์จะเอาโปรดักต์เสี่ยง ๆ ออกมาไหม คงไม่ขนาดนั้นขณะเดียวกันก็ไม่แย่ถึงกับนำสินค้ามาโละสต๊อก ภาพคงไม่ถึงขนาดนั้น..."

ในส่วนของศุภาลัยยังเดินหน้าเปิดตัวโครงการทั้งแนวราบและแนวสูง จุดเน้นในไตรมาส 3 คือเลือกทำเลเกรด A สินค้าที่มั่นใจว่าขายได้ การเปิดตัวใหม่คงไม่แตกต่างจากแผนธุรกิจที่ประกาศไว้เมื่อตอนต้นปี แต่จะเลือกตัวเน้น ๆ คืนกำไรให้ลูกค้า

กลยุทธ์ ณ วันนีไม่ได้ตั้งเป้าให้ราคาขายต้องมาแข่งขันกันดุเดือดเกินจำเป็น คอนโดฯเน้นเปิดตัวราคา 7-8 หมื่นบาท/ตร.ม.

ข้อแนะนำผู้บริโภคภาพรวมไตรมาส 3 ยังไม่มีการปรับตัวด้านราคา บวกกับดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุดเท่าที่จะนึกได้ ณ ตอนนี้ สิ่งที่ควรมองหาคือราคาอสังหาฯกับสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยดีที่สุด

โดยทุก ๆ การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย 1% จะมีผลต่องวดเงินผ่อนบ้านลดลงหรือเพิ่มขึ้น 7-8%

ติดตามข่าวสาร ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ค ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
www.facebook.com/PrachachatOnline
ทวิตเตอร์ @prachachat

วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ความสำคัญของสีหลังคาบ้าน

ความสำคัญของสีหลังคาบ้าน
ความสำคัญของสีหลังคาบ้าน
ความสำคัญของสีหลังคาบ้าน
เลือกสีหลังคาบ้าน บอกถึงบุคลิกความเป็นตัวคุณ การจะสร้างบ้านสักหลังก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใส่ใจในรายละเอียดหลายๆเรื่อง ให้บ้านสวยถูกใจ อยู่แล้วมีความสุข ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งห้องต่างๆภายในบ้าน สวนหน้าบ้าน แต่หลายๆคนก็ไม่มีโอกาสได้เลือกสีของหลังคาบ้าน หรือบางคนอาจลืมใส่ใจในเรื่องนี้ไป เพราะบางคนก็อาจจะเลือกตามความชอบของตัวเองหรือสมาชิกในบ้าน วิธีง่ายๆที่จะเลือกกระเบื้องให้เข้ากับบ้านไทยประยุกต์ ก็มีความสำคัญนะค่ะ ควรเลือกสีธรรมชาติ ซึ่งแต่ละสีก็มีความหมายต่างกันไป และสะท้อนบุคลิกภาพ เป็นตัวตนของเจ้าของบ้านได้
ความสำคัญของสีหลังคาบ้าน
สีน้ำตาล บ่งบอกถึงลักษณะของความเป็นผู้ใหญ่ สุขุม มีเหตุผล เป็นตัวแทนความมั่นคงในทรัพย์ ให้ความรู้สึกอบอุ่น กลมกลืน เข้ากับบ้านสีเข้มก็ดี มุงหลังคากับบ้านสีอ่อนก็ดูดี สวยงาม หลังคาสีน้ำตาลนี้เหมาะกับบ้านสี ขาว ครีม เทาขาว บ้านไม้ สีเหลือง น้ำตาลอ่อน สีส้มอมชมพู
ความสำคัญของสีหลังคาบ้าน
สีแดง เป็นสีที่โดดเด่น ร้อนแรง และมีเสน่ห์ สง่างาม บ่งบอกถึงเป็นคนตรงไปตรงมา กล้าคิดกล้าแสดงออก มั่นใจในตัวเอง เป็นผู้มีพลังอำนาจ เป็นผู้นำเหมาะกับผู้ที่เป็นเจ้านายคน ปกครองดูแลลูกน้อง หลังคาสีแดงเหมาะกับบ้านไม้ บ้านสีขาว สีเปลือกไข่ สีเหลือง สีเทา
ความสำคัญของสีหลังคาบ้าน
สีน้ำเงิน สื่อถึงเจ้าของบ้านที่มีความมั่นคง มีจิตใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อคนอื่น  อยู่ด้วยแล้วรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย ผ่อนคลาย สบายตา เย็นสบาย เป็นสีที่ให้พลังช่วยเสริมความคิดสร้างสรรค์ เหมาะกับบ้านสีขาว สีฟ้าอ่อน สีเหลืองครีม ส้มอ่อน สีเทาอ่อน
ความสำคัญของสีหลังคาบ้าน
สีส้ม สะท้อนถึงความคิด มิตรภาพ บ่งบอกถึงเจ้าของบ้านที่มีบุคลิกกระตือรือร้น เป็นคนที่สนใจเอาใจใส่รายละเอียดต่างๆ เป็นสัญลักษณ์ของความรุ่งโรจน์ มงคล มั่นคง หลังคาสีส้มสร้างความโดดเด่นให้กับตัวบ้านที่มีสีอ่อนได้ดี หลังคาสีส้มนี้เหมาะกับบ้านสีขาว สีอิฐ สีครีมอมน้ำตาล  สีเหลืองอ่อน
นอกจากยสีบ้าน สีของหลังคาบ้านก็มีความสำคัญ เพราะแสดงถึงตัวตนของเจ้าของบ้าน คุณสมบัติของหลังคาก็สำคัญเช่นกันนะค่ะ ซึ่งก็เหมาะมากหากจะเลือกสีหลังคาบ้านให้เข้าบ้านไทยประยุกต์สมัยนี้

ซีพีตัดริบบิ้นสำนักงานให้เช่าแห่งแรกใน "พิษณุโลก"​ ก่อนลุย 7 จังหวัดหลัก เคาะค่าเช่า 380-500 บ./ตรม.


นายสุนทร อรุณานนท์ชัย ประธานคณะผู้บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้าลงทุนก่อสร้างสำนักงานให้เช่าในต่างจังหวัดตามที่เคยประกาศแผนธุรกิจไว้ โดยมี 8 จังหวัดด้วยกัน คือ เชียงใหม่ -พิษณุโลก อุดรธานี ขอนแก่น นครราชสีมา สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และสงขลา (หาดใหญ่)

ทั้งนี้ บริษัทเปิดตัวเป็นทางการโครงการแรก คือ ซี.พี.ทาวเวอร์ จ.พิษณุโลก ตั้งอยู่บนนถนนพิชัยสงคราม ความสูง 7 ชั้น พื้นที่ใช้สอยกว่า 9,902 ตร.ม. แบ่งเป็นพื้นที่ให้เช่า 6,884 ตร.ม.

สำหรับอัตราค่าเช่า ซี.พี.ทาวเวอร์ พิษณุโลก มีอัตราค่าเช่า 380-500 บาท/ตร.ม./เดือน นับเป็นค่าเช่าสำนักงานเกรด A ในต่างจังหวัด ปัจจุบันมีผู้เช่าแล้ว 30% คาดว่าจะเพิ่มเป็น 50% ภายในสิ้นปีนี้

อนึ่ง รายละเอียดโครงการ ซี.พี. ทาวเวอร์ ใน 7 จังหวัดที่เหลือ ได้แก่ โครงการใน จ.ขอนแก่น ความสูง 6 ชั้น พื้นที่รวม 6,055 ตร.ม. แบ่งเป็นพื้นที่ให้เช่า 4,364 ตร.ม., อุดรธานี สูง 6 ชั้น พื้นที่รวม 9,643 ตร.ม. แบ่งเป็นพื้นที่ให้เช่า 6,888 ตร.ม., นครราชสีมา สูง 6 ชั้น พื้นที่รวม 9,772 ตร.ม. แบ่งเป็นพื้นที่ให้เช่า 7,300 ตร.ม.

โครงการใน จ.สุราษฎร์ธานี สูง 6 ชั้น พื้นที่รวม 9,724 ตร.ม. แบ่งเป็นพื้นที่ให้เช่า 6,941 ตร.ม., นครศรีธรรมราช สูง 6 ชั้น พื้นที่รวม 9,889 ตร.ม. แบ่งเป็นพื้นที่ให้เช่า 6,755 ตร.ม. และสำนักงานให้เช่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา สูง 6 ชั้น พื้นที่รวม 9,643 ตร.ม. แบ่งเป็นพื้นที่ให้เช่า 6,661 ตร.ม.

Cr.http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1435302089

"บิ๊กตู่"จุดพลุเขตศก.แม่สอด-สะพานเมย2 คมนาคมชง100โครงข่าย"ถนน-รถไฟ-สนามบิน"รับนักลงทุน

"รัฐบาลบิ๊กตู่" เร่งแจ้งเกิดเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน ดึงทุนไทย-เทศปักธง ลั่น "แม่สอด-สระแก้ว-สงขลา" ใกล้เป็นจริง ดีเดย์ ก.ค.นี้ วางศิลาฤกษ์ถนน+สะพานแม่น้ำเมยแห่งที่ 2 วงเงิน 3.9 พันล้าน จับตา 25 มิ.ย.นี้ ที่ประชุมชุดใหญ่เคาะค่าเช่า 6 พื้นที่ อนุมัติแผนลงทุน 100 โครงข่ายคมนาคมรับเฟส 2
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า 25 มิ.ย. 2558 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) จะประชุมติดตามความก้าวหน้าแผนโครงการตามที่คณะอนุกรรมการแต่ละด้านได้ดำเนินการมาทั้งหมด



ดันแม่สอด-สระแก้ว-สงขลา

แผนที่แล้วเสร็จเช่น จัดโซนนิ่งพื้นที่พัฒนา 10 จังหวัด 12 ด่าน มี จ.ตาก มุกดาหาร ตราด สงขลา สระแก้ว หนองคาย เชียงราย นครพนม นราธิวาส และกาญจนบุรี การจัดหาพื้นที่จัดสรรเพื่ออุตสาหกรรม ที่ตั้งด่านศุลกากร ก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ไฟฟ้า-ประปา ค่าเช่าที่ เป็นต้น

"6 พื้นที่ระยะแรกมี 3 พื้นที่เร่งด่วน คือ แม่สอด สระแก้ว สงขลา สิ่งที่หนักใจเพราะเป็นนโยบายมีเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ 100% แต่เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ได้ 40-60% สิ่งที่จะทำให้เขต ศก.พิเศษสำเร็จ คือ การกำหนดโครงสร้างพื้นฐานให้เป็นไปตามกำหนดเวลา ส่วนการดำเนินการคงไม่เสร็จปี"58 แต่จะทยอยเสร็จปลายปี"59-60"

พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า สำหรับแม่สอดจะมีความก้าวหน้าชัดเจนปี 2558-2559 โดยเร่งสร้างถนน สะพานข้ามแม่น้ำเมยแห่งที่ 2 วงเงิน 3,900 ล้านบาท ฝ่ายไทยสนับสนุนงบประมาณ 2,900 ล้านบาท รัฐบาลเมียนมาอีก 1,000 ล้านบาท, เร่งขยายสนามบินแม่สอดให้เสร็จปี 2559-2560, จัดพื้นที่อุตสาหกรรม สร้างด่านศุลกากร เปิดอาคารสำนักงาน อาคารพาณิชยกรรม ไฟฟ้า ประปา และไอทีเสร็จแล้ว

ดึงยักษ์ธุรกิจ-ต่างชาติลงทุน

"เอกชนที่จะลงทุนมีซีพี ไทยเบฟฯ คาดว่ามีรายอื่นตามมา อนาคตจะเชิญต่างชาติ เช่น ญี่ปุ่น จีน ร่วมลงทุน"

นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า เตรียมรายงานความก้าวหน้าภาพรวมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและด่านศุลกากรเขต ศก.พิเศษเฟสแรก 6 พื้นที่ ได้แก่ จ.ตาก มุกดาหาร สระแก้ว ตราด สงขลา และหนองคาย ต่อที่ประชุม กนพ. มีโครงการเร่งด่วนปีนี้ 52 โครงการ วงเงินรวม 109,049 ล้านบาท ได้รับงบประมาณแล้ว 2,642.88 ล้านบาท

ก.ค.วางฤกษ์สะพานเมย 2

พื้นที่ "จ.ตาก" กรมทางหลวง (ทล.) เตรียมสร้างทางเลี่ยงเมืองแม่สอดพร้อมสะพานข้ามแม่น้ำเมยแห่งที่ 2 วงเงิน 3,900 ล้านบาท ได้รับงบประมาณปี 2559 จำนวน 1,020 ล้านบาท จะลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างรัฐบาลไทย-เมียนมา วางศิลาฤกษ์และส่งมอบถนนเขาตะนาวศรี-กอกะเร็ก ในเดือน ก.ค.นี้

สำหรับการแก้ไขปัญหาความแออัดบริเวณด่านสะพานข้ามแม่น้ำเมยแห่งที่ 1 กรมทางหลวงชนบท (ทช.) และกรมศุลกากร ทำ MOU ใช้ไหล่ทางถนนผังเมืองรวมเมืองแม่สอดสร้างด่านศุลกากรและจุดจอดรถบรรทุกชั่วคราว อยู่ระหว่างออกแบบ เสนอของบฯปี 2559 จะแล้วเสร็จ ต.ค. 2559

ม.ค. 59 รถไฟอรัญ-คลองลึกเสร็จ

ด้านการก่อสร้างถนนตาก-แม่สอดตอนที่ 1-2 เสร็จแล้ว ตอนที่ 3 กำลังต่อราคาผู้รับเหมา และตอนที่ 4 ได้รับงบฯปี 2559 มาก่อสร้าง 310 ล้านบาท ส่วนสนามบินแม่สอด ล่าสุดกรมการบินพลเรือน (บพ.) ได้รับงบฯปี 2559 จำนวน 200 ล้านบาทมาซื้อที่ดิน 300 ไร่เพื่อขยายทางขับทางวิ่ง

ส่วนการจัดตั้งนิคมฯในเขต ศก.พิเศษ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ลงนาม MOU กับเอกชน พัฒนาพื้นที่รองรับการจัดตั้งคลัสเตอร์อุตสาหกรรมพลาสติกในพื้นที่นำร่อง คือ ตาก สระแก้ว

พื้นที่ "จ.สระแก้ว" การปรับปรุงทางรถไฟสถานีชุมทางคลองสิบเก้า-อรัญประเทศ-สุดเขตสะพานคลองลึก (ชายแดนไทย-กัมพูชา) การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จะแล้วเสร็จเดือน ม.ค. 2559 ปัจจุบันคืบหน้า75% การพัฒนาด่านศุลกากรได้งบฯปี 2559 จำนวน 250 ล้านบาทเฉพาะจัดหาพื้นที่

เติม 2 พันล้านบูม "ต.ป่าไร่"

อีกทั้งจะเสนอ กนพ.ของบฯพัฒนาโครงข่ายถนนรองรับเขตเศรษฐกิจ ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศเพิ่มเติม คือ ก่อสร้างถนนสาย 33-ด่านชายแดนคลองลึก เข้าสู่ถนนสายหลัก 917 ล้านบาท, ของบฯ 29 ล้านบาทปรับปรุงแบบและสำรวจเวนคืนที่ดินถนนสามแยก 348-บ.ไร่ 12.5 กม. ที่ออกแบบปี 2552 เพื่อให้สอดคล้องกับปัจจุบัน

ขอปรับปรุงถนนทางหลวงชนบทเชื่อมถนน 3397 และ 3446 เข้าสู่พื้นที่เทศบาล ต.ป่าไร่ในปัจจุบัน, ของบฯ 200 ล้านบาทขยายถนนศรีเพ็ญช่วงตลาดโรงเกลือ-บ้านป่าไร่ 8 กม.เป็น 4 ช่องจราจร รวมถึงขอเพิ่ม 800 ล้านบาทสร้างด่านศุลากรอรัญประเทศแห่งใหม่ที่บ้านป่าไร่ พื้นที่ 525 ไร่

"จ.มุกดาหาร" ทล.ก่อสร้างถนนกาฬสินธุ์-บ.นาไคร้ ตอน 1 คืบหน้า 34% กำหนดแล้วเสร็จ ต.ค.นี้ และได้รับงบฯปี 2559 จำนวน 3,000 ล้านบาท ก่อสร้างตอนที่ 2 ระยะทาง 71.4 กม. ส่วนรถไฟทางคู่สายใหม่ (บ้านไผ่-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม) กำลังปรับปรุงรายงานสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ)

ตราด-สงขลา-หนองคายคืบ

"จ.ตราด" ในเดือน ส.ค.นี้ ทล.จะเริ่มสร้างถนนตราด-หาดเล็กตอน 2, ท่าเทียบเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่จะแล้วเสร็จ ธ.ค.นี้ มีผลงานก้าวหน้า 86.82%

"จ.สงขลา" ทล.กำลังสำรวจออกแบบรายละเอียดมอเตอร์เวย์สายหาดใหญ่-ชายแดนไทย-มาเลเซีย ส่วนท่าเรือน้ำลึกสงขลาแห่งที่ 2 กรมเจ้าท่ากำลังทบทวนความเหมาะสม ควบคู่กับการรถไฟฯ อยู่ระหว่างปรับปรุงสถานีชุมทางหาดใหญ่-สุไหงโก-ลก และชุมทางทุ่งสง-หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์

"จ.หนองคาย" ทล.จะสร้างถนนหนองคาย-อ.โพนพิสัยเสร็จแล้ว ส่วนถนนเส้น อ.โพนพิสัย-บึงกาฬ ตอน 1 เริ่มสร้าง ส.ค.นี้ จะเสร็จ ส.ค. 2560, สาย บ.หนองสองห้อง-อ.ท่าบ่อ-อ.ศรีเชียงใหม่ ตอน 1 กำลังออกแบบ จะเสร็จปี"59 ทางเลี่ยงเมืองหนองคายด้านตะวันออก เตรียมออก พ.ร.ฎ.เวนคืนที่ดิน ของบฯปี"60 ก่อสร้าง

จัดหนัก 100 โครงการเฟส 2

นางสร้อยทิพย์กล่าวอีกว่า สำหรับเขตเศรษฐกิจพิเศษเฟส 2 คือ จ.นราธิวาส เชียงราย นครพนม กาญจนบุรี กำลังรวบรวมโครงข่ายโครงสร้างพื้นฐานเสนอ กนพ. คาดว่ามี 144 โครงการ ลงทุน 178,306 ล้านบาท แต่ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม สั่งให้ทบทวนเนื่องจากใช้เงินลงทุนสูง โดยนำมอเตอร์เวย์สายบ้านใหญ่-บ้านพุน้ำร้อน 80,000 ล้านบาทใส่มาด้วย นอกจากนี้ ให้กำหนดจุดพักรถ ศูนย์บริการรถบรรทุกทั่วประเทศ

ข้อเสนอโครงการในเฟส 2 เช่น ก่อสร้างถนนเชื่อมเชียงแสน-เชียงของ พร้อมด่านศุลกากร รถไฟสายใหม่ (เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ) ศูนย์เปลี่ยนขนสินค้าเชียงของ ศูนย์เปลี่ยนถ่าย จ.นครพนม สนามบินเลิงนกทา จะรายงานให้ กนพ.รับทราบ

สะพานโขง 5 บึงกาฬ-ปากซัน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในเฟส 2 จ.นครพนมจะของบฯปี"59 สร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 5 บึงกาฬ-ปากซันด้วย ลงทุน 2,700 ล้านบาท แล้วเสร็จปี 2561

ส่วนพื้นที่นิคมอุตฯ กำหนดจุดที่ตั้งชัดเจนมีพื้นที่ 479 ไร่เศษ ต.สถาน อ.เชียงของ ห่างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว 13.4 กม. โดยมีบริษัทเมืองเงินดีเวลลอปเม้นท์ เป็นผู้ได้รับการคัดเลือกจาก กนอ.จัดตั้งนิคมฯเชียงของ เป็นอุตสาหกรรมด้านโลจิสติกส์

จ.นครพนมพื้นที่ 1,000 ไร่ อยู่ใกล้ชายแดน เป็นนิคมบริการหรือโลจิสติกส์กำลังศึกษา, จ.กาญจนบุรี กนอ.ศึกษาอยู่บริเวณพุน้ำร้อน 1,000 ไร่ บริเวณบ้านทุ่งศาลา-บ้านลำทราย ต.บ้านเก่า อ.เมือง ห่างชายแดน 15 กม. และ จ.นราธิวาส มอบให้ ศอ.บต. พิจารณาตั้งเขตอุตสาหกรรมที่ ต.ละหาร อ.ยี่งอ 2,273 ไร่ เป็นพื้นที่เอกชน พัฒนาศูนย์กระจายสินค้าและโลจิสติกส์

ติดตามข่าวสาร ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ค ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
www.facebook.com/PrachachatOnline
ทวิตเตอร์ @prachachat

คอนโดวิวแม่น้ำแตกทำเลราม3-ท่าน้ำนนท์ "พฤกษา-ศุภาลัย-มั่นคง"แข่งโกยลูกค้าเซ็กเมนต์1-2ล้าน/ยูนิต

ดีเวลอปเปอร์ชี้เทรนด์คอนโดฯวิวแม่น้ำ ขยายพื้นที่จากในเมืองออกกรุงเทพฯชั้นกลาง-ต่างจังหวัด จับตลาดเซ็กเมนต์ชนชั้นกลางราคาเริ่มต้นยูนิตละ 1-2 ล้านบาท "พฤกษาฯ" เปิดตัวเดอะทรี เอลิแกนซ์ฯ ใกล้ท่าน้ำนนท์ เพิ่มจุดขายให้พื้นที่ส่วนกลางเยอะ ปิดยอดขาย 2 วันแรกเกือบ 300 ยูนิต "ซีเอ็มซี-ศุภาลัย-มั่นคงฯ" ปักหมุดโซนพระราม 3-สะพานพระราม 8 "เพอร์เฟค-ริชี่เพลซ"โกยยอดขายคอนโดฯสะพานพระนั่งเกล้าไปแล้ว 50-70%

ผู้สื่อข่าวสำรวจการเปิดตัวคอนโดมิเนียมที่มีจุดขายเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาหรืออยู่ริมน้ำพบความเปลี่ยนแปลงเรื่องทำเลจากปีที่ผ่านมาเป็นโครงการระดับไฮเอนด์ย่านใจกลางเมืองได้แก่สาทร เจริญกรุง และเจริญนคร ราคาตารางเมตรละ 2-3 แสนบาทหรือ ยูนิตละ 7-10 ล้านบาทขึ้นไป แต่ด้วยที่ดินที่หายากขึ้นทุกวัน มาปีนี้ได้เกิดปรากฏการณ์ขยายพื้นที่พัฒนาคอนโดฯวิวแม่น้ำเจ้าพระยาออกมาในพื้นที่กรุงเทพฯชั้นกลาง และจังหวัดนนทบุรีมากขึ้น เช่น โซนติวานนท์ พระราม 3 สะพานพระนั่งเกล้า บางอ้อ บางพลัด ฯลฯ จับลูกค้าชนชั้นกลาง ราคาเริ่มต้นยูนิตละกว่า 1-2 ล้านบาท

พฤกษ"ฯรุกทำเลท่าน้ำนนท์

นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียม บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า คาดการณ์เทรนด์การเปิดตัวคอนโดฯวิวแม่น้ำ จะขยายออกมาในพื้นที่กรุงเทพฯรอบนอกและจังหวัดนนทบุรี จากเดิมกระจุกตัวอยู่ในเมืองเพียงไม่กี่ทำเล โดยเฉพาะทำเลใกล้สถานีรถไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างก่อสร้างด้วย เชื่อว่าจะเป็นที่นิยม

ล่าสุด 13-14 มิถุนายนที่ผ่านมา บริษัทเปิดตัวคอนโดฯ "เดอะทรี เอลิแกนซ์ ติวานนท์" วิวแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงท่าน้ำนนท์ สูง 42 ชั้น จำนวน 1,336 ยูนิต ห้องชุดแบบสตูดิโอ 1-2 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 22-48.5 ตารางเมตร เริ่มต้นยูนิตละ 1.39 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 2,600 ล้านบาท

จุดขายมี 3 ส่วนคือ 1) เห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงท่าน้ำนนท์ 2) ใกล้รถไฟฟ้าสถานีกระทรวงสาธารณสุขและสถานีติวานนท์ และ 3) เน้นสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลางในโครงการพื้นที่รวม 4-5 พันตารางเมตร เช่น ห้องเล่นพูล สระว่ายน้ำบนดาดฟ้า สกายเลานจ์ สกายวอล์กเวย์ ฯลฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเปิดตัวโครงการเดอะทรี เอลิแกนซ์ ติวานนท์ 13-14 มิถุนายนที่ผ่านมา สามารถปิดยอดขายได้เกือบ 300 ยูนิต หรือ 70% ของห้องชุดที่เปิดขายส่วนแรกประมาณ 400 ยูนิต ปัจจุบันจัดโปรโมชั่นส่วนลดวันโอน 1 หมื่นบาท และแถมซัมซุง กาแล็คซี่ แท็บเอ มูลค่ากว่า 1 หมื่นบาท

ศุภาลัย-CMC-มั่นคงฯลุย

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ศุภาลัย เปิดเผยว่า มีแผนเปิดตัวคอนโดฯริมน้ำในโซนพระราม 3 ราคาขายตารางเมตรละ 8-9 หมื่นบาท ในช่วงปลายปีนี้หรือปี 2559 หลังจากโครงการศุภาลัย พรีมา ริวาพระราม 3 ขายได้ 100% และอยู่ระหว่างโอน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากช่วงครึ่งปีหลังบริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการในทำเลใกล้เคียงกัน หากยอดขายดีก็จะเปิดตัวคอนโดฯริมน้ำต่อเนื่องช่วงปลายปีนี้

ทั้งนี้ จากประสบการณ์พัฒนาคอนโดฯริมน้ำในย่านเจริญนครและพระราม 3 แล้ว 4 โครงการ ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าซื้ออยู่จริง อยู่อาศัยเป็นครอบครัว จึงควรมีที่จอดรถเกิน 100% ของจำนวนห้องชุด เพราะทำเลไม่ได้อยู่ใกล้รถไฟฟ้า และควรมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากกว่าปกติ เช่น มีสวนพักผ่อนมากกว่า 1 จุด ฯลฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ บมจ.เจ้าพระยามหานคร (ซีเอ็มซี) เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาเปิดตัวโครงการชาโตว์ อินทาวน์ พระราม 8 คอนโดฯวิวแม่น้ำเจ้าพระยาสูง 13 ชั้น จำนวน 506 ยูนิต แบบ 1-2 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 28-70 ตารางเมตร ตกแต่งเฟอร์นิเจอร์พร้อมอยู่ ราคาเริ่มต้นยูนิตละ 2.1 ล้านบาท หรือตารางเมตรละ 7.5 หมื่นบาท มียอดขาย 85% ส่วน บมจ.มั่นคงเคหะการ เตรียมเปิดตัวโครงการคอนโดฯวิวแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้สะพานพระราม 8 ในครึ่งปีหลัง เป็นตึกสูง 13 ชั้น รวม 300 ยูนิต ราคาเฉลี่ยยูนิตละ 2.4 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 730 ล้านบาท

เมโทรฯ-ราชพาร์คขาย 50-70%

นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต รองประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มพัฒนาธุรกิจ บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เปิดเผยว่า เห็นด้วยว่าปัจจุบันเทรนด์การพัฒนาคอนโดฯริมน้ำขยายออกมารอบนอกมากขึ้น เนื่องจากโครงการริมน้ำย่านสาทร เจริญกรุง มีราคาสูงตารางเมตรละ 2-3 แสนบาท ปีที่ผ่านมาเพอร์เฟคจึงเปิดโครงการเมโทรลักซ์ ริเวอร์ฟร้อนท์ รัตนาธิเบศร์ มูลค่าโครงการ 1.6 พันล้านบาท อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงสะพานพระนั่งเกล้า และใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วงสถานีไทรม้า

จุดขายคือที่ดินมีหน้ากว้างติดแม่น้ำเจ้าพระยา 120 เมตร และออกแบบสระว่ายน้ำอยู่ใกล้ริมน้ำ ปัจจุบันราคาขายตารางเมตรละ 7 หมื่นบาท มียอดขาย 50% จากทั้งหมดกว่า 800 ยูนิต

ดร.อาภา อรรถบูรณ์วงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ริชี่เพลซ (2002) เปิดเผยว่า ได้เปิดตัวโครงการริชพาร์ค@เจ้าพระยา บริเวณเชิงสะพานพระนั่งเกล้า ห่างสถานีไทรม้า 80 เมตร เป็นตึกสูง 33 ชั้น จำนวน 633 ยูนิต ราคาเริ่มต้นตารางเมตรละกว่า 6 หมื่นบาท เห็นวิวแม่น้ำได้ตั้งแต่ชั้น 8 ปัจจุบันมียอดขาย 70% โดยเฉพาะห้องชุดด้านที่เห็นวิวแม่น้ำ ถึงแม้ราคาสูงกว่าด้านซิตี้วิวเฉลี่ยตารางเมตรละ 8 พันบาท แต่ขายเกือบหมดแล้ว

ผู้สื่อข่าวสำรวจโครงการคอนโดฯวิวแม่น้ำตามแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงบางซื่อ-ท่าพระ พบว่ามียอดขายดี ได้แก่ 1) โครงการเดอะทรี ริโอ บางอ้อสเตชั่น จำนวนกว่า 1.4 พันยูนิต ของ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท เห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงสะพานพระราม 7 ห้องชุดแบบ 1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 28 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นยูนิตละ 1.95 ล้านบาท เปิดตัวปลายปี 2557 มียอดขายแล้วกว่า 85% เตรียมเปิดขายห้องชุดที่เหลืออีก 15% สุดท้ายปลายเดือนมิถุนายน 2558

และ 2) โครงการบริกซ์ บางพลัด ของบริษัท มีสไตล์ เอสเตท จำกัด เปิดตัวเดือนมีนาคม 2558 เห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงสะพานกรุงธน จำนวน 560 ยูนิต แบบสตูดิโอพื้นที่ใช้สอย 22 ตารางเมตร ราคายูนิตละ 1.59 ล้านบาท เคลมว่าขายหมด 100%



ติดตามข่าวสาร ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ค ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
www.facebook.com/PrachachatOnline
ทวิตเตอร์ @prachachat

กรมที่ดินจัดสัมมนาแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ประมูลห้องชุดกรมบังคับคดี


นายชูศักดิ์ ศรีอนุชิต ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กรมที่ดิน เปิดเผยว่า วันที่ 26 มิถุนายน 2558 กรมที่ดินได้ร่วมกับกรมบังคับคดี สมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทย สมาคมอาคารชุไทย จัดสัมมนาการแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ประมูลห้องชุดกรมบังคับคดีไม่ต้องใช้ใบปลอดหนี้ค่าส่วนกลาง (ร่างมาตรา 309 จัตวา) ที่โรงแรมเซ็นทารา ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ในงานได้เชิญผู้แทนนิติบุคคลอาคารชุด เจ้าของร่วม และผู้ประกอบการคอนโดมิเนียม กว่า 300 รายเข้าร่วมสัมมนา เป้าหมายเพื่อทำความเข้าใจกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นหลังจากแก้ไขร่าง พ.ร.บ.แล้ว

ทั้งนี้ ความคืบหน้าการแก้ไขร่างมาตรา 309 จัตวา อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สาระสำคัญคือ เมื่อกรมบังคับคดีจะขายทอดตลาดห้องชุด ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีบอกกล่าวให้นิติบุคคลอาคารชุดแจ้งรายการหนี้ค่าใช้จ่ายส่วนกลางที่ค้างชำระ ต่อเจ้าพนักงานภายใน 30 วัน นับจากวันที่ได้รับคำบอกกล่าว เมื่อขายทอดตลาดให้เจ้าพนักงานบังคับคดีกันเงินที่ได้จากการขายทอดตลาด เพื่อชำระหนี้ตามที่ได้รับแจ้งไว้


อย่างไรก็ตาม หากไม่แจ้งภายในเวลาที่กำหนด ทางนิติบุคคลอาคารชุดจะต้องฟ้องร้องดำเนินคดีกับลูกหนี้เอง กรณีนี้ทางนิติบุคคลอาคารชุดจึงต้องเตรียมข้อมูลค่าส่วนกลางค้างชำระให้ พร้อม เพื่อดำเนินการแจ้งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบ

วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2558

15 ปี "มาสเตอร์แปลน 101" รับสร้างบ้านตลาดหรูมาแรงสวนทาง ศก.

สัมภาษณ์พิเศษ
ธุรกิจรับสร้างบ้านบนที่ดินของตัวเอง กล่าวได้ว่าปี 2558 ถึงแม้หลายคนจะบ่นว่า กำลังซื้อชะลอตัว แต่กลับพบว่ากลุ่มเป้าหมายบางเซ็กเมนต์แทบไม่ระคายเคืองจากภาวะเศรษฐกิจฝืดแต่อย่างใด โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าระดับบน "ประชาชาติธุรกิจ" สัมภาษณ์พิเศษ "อนันต์กร อมรวาที" กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสเตอร์แปลน 101 จำกัด เจ้าของสโลแกน "เดอะ ไฮคลาส บิลเดอร์ สร้างอาณาจักรผู้มีระดับ" รับสร้างบ้านราคา 15-150 ล้าน ล่าสุด ออร์เดอร์สร้างบ้านมีค่าเฉลี่ยหลังละ30-40 ล้านบาท บนที่ดินเริ่มต้น 300 ตร.ว.ขึ้นไป

- ผลประกอบการครึ่งปีแรก

ปีนี้ภาคธุรกิจต่าง ๆ ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ในส่วนของบริษัทซึ่งเน้นเจาะลูกค้าเซ็กเมนต์บ้านพรีเมี่ยม ปีที่แล้วมีรายได้ 350 ล้านบาท ปีนี้ตั้งเป้าไว้ 380 ล้าน โตสัก 10% เท่า ๆ กับอัตราเติบโตของตลาดรวม ผลงานครึ่งปีแรกมีลูกค้าออร์เดอร์สร้างบ้านไตรมาสละ 2 ราย รวมเป็น 4 ราย มูลค่าสัญญา 180 ล้านบาท ถือว่าทำได้ตามเป้าถามว่า เศรษฐกิจฝืด การเมืองตอนนี้กระทบไหม ? ก็กระทบนะ แต่ไม่มาก คือเราเห็นลูกค้าชะลอการตัดสินใจ แต่ก็ยังมีบางรายสามารถเดินต่อได้ ที่บอกว่า กระทบคือมีบางรายเซ็นสัญญาแล้ว ขอชะลอการก่อสร้างไปก่อน ปัญหาเกิดจากไม่มั่นใจว่าเศรษฐกิจ การเมืองแบบนี้ธุรกิจเขาจะกระทบไหม

- แนวโน้มครึ่งปีหลัง

ภาพรวมยังไม่ค่อยดี ผมสอบถามจากพรรคพวกในสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านส่วนใหญ่คำตอบจะคล้าย ๆ กันคือ ตลาดค่อนข้างเงียบ แต่เซ็กเมนต์บ้านแพงมั่นใจว่าทำได้ตามเป้า ปัจจุบันเรามีลูกค้าอยู่ระหว่างปิดดีลอีก 6 ราย เฉลี่ยรายละ 100 ล้าน ก่อสร้างบ้านรวมตกแต่งด้วย

ตอนนี้ผมกำลังจัดโปรโมชั่นถึงสิ้นเดือน มิ.ย.นี้ ลูกค้าสร้างบ้านมีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 1,000 ตร.ม.ขึ้นไป เลือกรับโปรโมชั่นเลยว่าจะรับส่วนลด 15% หรือรับรถเบนซ์ไฮบริด ซีคลาส เท่าที่คุยกันภายในอีเวนต์ครั้งนี้จะมีลูกค้าเข้ามามัดจำสร้างบ้านกับเรา 4 ราย

โปรฯที่จัดถือเป็นอีเวนต์แรงแห่งปีของบริษัท จัดสมนาคุณลูกค้าปีละครั้ง เฉลี่ยราคาสร้างบ้านรวมตกแต่งตก ตร.ม.ละ 2.9-4.1 หมื่นบาท

- คำแนะนำถึงผู้บริโภค

ครับ ลูกค้าที่คิดจะสร้างบ้าน สิ่งแรกคือต้องศึกษาบริษัทรับสร้างบ้านให้ดีเสียก่อน ไปดูผลงานที่ผ่านมาว่าทำได้จริง สุดท้ายอยากให้ลองคุยกับคู่ค้าของบริษัทด้วย เพื่อจะได้ข้อมูลที่แท้จริง

- จุดขายมาสเตอร์แปลน

อันดับแรก ตัวความเชื่อมั่นแบรนด์ เรื่องต่อมาคือประสบการณ์สร้างบ้านหรูความชำนาญ ที่สำคัญเรามีผลงานการันตีเป็น 100 หลัง มูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาทแล้ว และอีกอันหนึ่งที่บอกเลยคือรูปแบบที่มีแคแร็กเตอร์เฉพาะตัว ลูกค้าเห็นแล้วสัมผัสได้ถึงความหรูหรา อลังการ สง่างาม มีรสนิยม ตอกย้ำภาพลักษณ์ประสบความสำเร็จในชีวิต ทางด้านครอบครัว เป็นบ้านที่สามารถบ่งบอกถึงรสนิยม

ในแง่ฟังก์ชั่นบ้านแพงทุกอย่างให้ครบอยู่แล้ว จะเพิ่มฟาซิลิตี้สระว่ายน้ำ ฟิตเนส ห้องอาหาร แบบบ้านบางทีต้องมีฟอร์มอลกับอิมฟอร์มอล เป็นทางการกับไม่เป็นทางการ ที่แน่ ๆ คือทุกอย่างโอเวอร์สเกล เช่น มาสเตอร์เบดรูมไซซ์ห้องขนาด 100-200 ตร.ม. บ้านบางหลังมี2-3 มาสเตอร์เบดรูม คือใหญ่ทุกห้องเพราะมีพ่อ ปู่ย่า ลูกที่กำลังจะให้สืบทอดธุรกิจต่อ

อีกตัวคือวัสดุที่ใช้ คุณภาพงานก่อสร้างที่มีมาตรฐานไอเอสโอรองรับ ทีมงานคิวซีที่เราทำมาเพื่อตรวจสอบงานโครงการโดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจรับสร้างบ้านจะไม่ค่อยมีกลุ่มธุรกิจคิวซีเหมือนเราทำหน้าที่ดับเบิลเช็กทุกขั้นตอนประมาณ400รายการ เริ่มจากให้วางแผนก่อน จากนั้นตรวจสอบก่อนดำเนินการสร้างหรือตกแต่ง เมื่อทำเสร็จแล้วก็มีการตรวจซ้ำอีกรอบ

งานคิวซีที่เราตรวจเจอ ในเรื่องความบกพร่องไม่ค่อยมี ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องคุณภาพงานยังไม่ได้ตามที่คิวซีต้องการ หรือเกินมาตรฐานกำหนด เช่น การตั้งเสา ระยะห่างเราไม่ให้เกิน 2 ซม. ถ้าเกินสั่งทุบเลย ทั้งที่มาตรฐานของ วสท. (วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์) ยอมรับได้นะ

- พฤติกรรมผู้บริโภคตลาดบน

ก็น่าแปลกนะครับ ค่อนข้างเร่งพอสมควร ผมก็กำลังงงกับพฤติกรรมลูกค้าในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ทั้งที่ค่อนข้างซบเซาแต่ก็เร่งสร้าง เร่งตัดสินใจ ปกติถ้าทำสัญญาจะใช้เวลาก่อสร้างตลอดจนตกแต่งและส่งมอบ 2 ปี-2 ปีครึ่ง

จากประสบการณ์ทำตลาดบนมาปีนี้เป็นปีที่ 15 ลูกค้าเข้าใจมากขึ้น มีตัวเลือกมากขึ้น ในวงการบริษัทรับสร้างบ้านเองก็มีผู้ประกอบการขึ้นมาเล่นเซ็กเมนต์นี้มากขึ้น ตอนแรกลูกค้าไม่เข้าใจว่ากลุ่มรับสร้างบ้านแบบนี้มีความชำนาญแบบไหนบ้าง เราต้องทำความเข้าใจกับลูกค้าพอสมควร

ซึ่งคำถามที่จะเจอเยอะ ๆ 3 อันดับแรกก็คือ 1.สร้างแล้วจะเหมือนแบบไหม แบบบ้านอลังการไหม สร้างแล้วสวยไหม 2.งบประมาณจะบานปลายไหม...ส่วนใหญ่ถ้าไม่เปลี่ยนแบบก็ไม่บานครับ (ยิ้ม) กับ 3.การรับประกันให้ยาวนานแค่ไหน ซึ่งเราให้ยาวนานถึง 30 ปี ในหมวดโครงสร้าง กฎหมาย สคบ. (คุ้มครองผู้บริโภค) ให้รับประกัน 5 ปี แต่เราให้นานและยาวกว่ากฎหมายเพราะต้องการให้ลูกค้าเชื่อมั่น เรามั่นใจว่าโครงสร้างอยู่ได้ร้อยปี

พฤติกรรมลูกค้าที่เห็นชัด ๆ อีกเรื่องคือสัดส่วน 90% ลูกค้าจ่ายสด เป็นเซ็กเมนต์ที่ไม่มีฤดูกาล ไม่มีคำว่าเศรษฐกิจตกต่ำ มีแต่ความพึงพอใจ




ติดตามข่าวสารผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊คประชาชาติธุรกิจออนไลน์
www.facebook.com/PrachachatOnline
ทวิตเตอร์ @prachachat

"4 Mega Trends" นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อบ้านแห่งอนาคตจากพฤกษาฯ ที่ต้องปรบมือให้!!

"4 Mega Trends" นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อบ้านแห่งอนาคตจากพฤกษาฯ ที่ต้องปรบมือให้!!

นอกจากความเป็นผู้นำอันดับ 1 ในแง่ยอดขายบ้านในเมืองไทยแล้ว พฤกษายังมีความมุ่งมั่นพัฒนาไม่หยุดยั้งกับนวัตกรรมการสร้างบ้านใหม่ๆ เพื่อบ้านแห่งอนาคตและบ้านที่มีคุณค่า (Create Value) โดยพฤกษาได้ตั้งหน่วยงาน "Pruksa Innovation Center" เพื่อศึกษาแนวโน้มพฤติกรรมของผู้บริโภค จนเกิดเป็นนวัตกรรมใหม่ทั้ง 4 ด้านเพื่อได้บ้านที่ประหยัดพลังงาน และตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภค ดังนี้
1. SAFETY HOME (บ้านแข็งแรงปลอดภัย)
2. HEALTHY HOME (บ้านที่ใส่ใจสุขภาพ)
3. GREEN HOME (บ้านลดพลังงาน)
4. SMART HOME (บ้านทันสมัย)
วันนี้เรามาดูกันค่ะว่า 4 Mega Trends ที่ทางพฤกษามุ่งมั่นพัฒนาที่จะทยอยทำในบ้าน ทาวน์โฮม และคอนโดใหม่ๆ ของทางพฤกษามีอะไรกันบ้าง

1. SAFETY HOME บ้านแข็งแรงปลอดภัย

ปัจจุบันการสร้างบ้านด้วยผนังสำเร็จรูปหรือที่เรียกกันว่า Precast นั้น เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเพราะมีการพิสูจน์แล้วว่า ทำให้บ้านมีความแข็งแรง คงทนและเป็นมาตรฐานที่ดีเหมือนกันทุกหลัง โดยบริษัทที่ถือเป็นผู้บุกเบิกในการสร้างบ้านแบบ Precast ในเมืองไทยเลยก็คือ "พฤกษา" โดยมีโรงงานของตัวเองคือ "โรงงานพฤกษา พรีคาสท์ (Pruksa Precast Concrete Factory)" เพื่อผลิตชิ้นส่วนคอนกรีตเสริมเหล็กสำเร็จรูป (Pruksa Precast Concrete) สำหรับการก่อสร้างบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม และทาวน์โฮมบางประเภท โดยการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยจากประเทศเยอรมนี และใช้ระบบคอมพิวเตอร์ในการควบคุมการก่อสร้าง ทำให้มั่นใจได้ว่าจะได้แผ่นผนังสำเร็จรูปที่แข็งแรงทนทาน มีคุณภาพ และเมื่อนำมาประกอบเป็นตัวบ้านแล้ว ยังสามารถต้านแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวได้ถึงขนาด 7 อีกด้วย (อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับบ้าน Precast ได้ที่นี่)

โรงงาน พฤกษา พรีคาสท์ ตั้งอยู่ที่ลำลูกกา 5 โรงงาน และ นวนคร 2 โรงงาน
ในปี 2555 ที่ผ่านมา พฤกษา ได้นำเทคโนโลยีการสร้างบ้านแบบ Real Estate Manufacturing (REM) เข้ามาใช้เพื่อควบคุมการก่อสร้างบ้าน ร่วมกับการสร้างบ้านแบบ Precast เพื่อให้ได้บ้านที่มีคุณภาพมาตรฐานโดยไม่ต้องใช้แรงงานที่เป็นคนมากนัก และยังสามารถใช้แรงงานที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพตามความถนัดของผู้รับเหมาแต่ละคน นอกจากนี้ยังช่วยย่นระยะเวลาก่อสร้างได้เร็วขึ้น ทำให้โอนบ้านให้ลูกค้าได้อย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน โดยระบบนี้เป็นไอเดียริเริ่มมาจากกระบวนการผลิตรถยนต์นั่นเอง เพื่อความเข้าใจระบบการทำงานของ Pruksa REM ให้ง่ายขึ้น สามารถดูได้จากวิดิโอด้านล่างนี้เลยค่ะ

วิดีโอแสดงขั้นตอนการสร้างบ้านด้วยระบบ Pruksa REM

2. HEALTHY HOME บ้านใส่ใจสุขภาพ

การออกแบบบ้านของพฤกษาได้คำนึงถึงระบบการระบายอากาศภายในบ้าน ด้วยการวางผังบ้านทั้งด้านในและด้านนอกให้สอดคล้องกับธรรมชาติ โดยมีปัจจัยหลักดังนี้
  • ทิศทางแสงแดดและทิศทางลม เพื่อให้บ้านนั้นมีการระบายอากาศที่จะสามารถลดความอับชื้นและลดอุณหภูมิภายในบ้านได้ หลักการคือ ออกแบบให้หน้าบ้านหันไปทางทิศเหนือหรือทิศตะวันตก เพื่อลดการรับแสงแดดที่จะส่องเข้าตัวบ้าน โดยให้ด้านข้างบ้านหันไปทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตก
  • การทำช่องหรือบานเปิดภายในบ้าน เลือกที่จะทำในจุดที่สามารถรับลมและแสงแดดได้อย่างพอดี ไม่มากเกินไปที่อาจจะเป็นการนำความร้อนเข้าตัวบ้านโดยไม่จำเป็นได้
  • ฝ้าระบายอากาศ ช่วยในการระบายความร้อนจากหลังคาบ้าน ลดอุณหภูมิได้มากกว่า 5% ทั้งประหยัดค่าแอร์และยังกันความชื้นจากฝนได้ด้วยเช่นกัน
  • ระแนงบังแดด ช่วยกรองแสงจากด้านนอกเข้าสู่ตัวบ้าน ไม่ให้ร้อนเกินไป
  • พื้นที่ด้านนอกบ้านช่วยลดแสงสะท้อนของแสงแดด ทำพื้นที่รอบๆ บ้านให้สามารถปลูกต้นไม้ใหญ่เพื่อใช้บังแดดสาดส่องเข้าไปในตัวบ้าน และมีชานบ้านเชื่อมต่อพื้นที่ภายในกับภายนอกของบ้านเรียกว่าเป็น Transfer Zone ที่ช่วยปรับอุุณหภูมิก่อนแสงแดดจะเข้าไปสู่ตัวบ้านทำให้บ้านเย็นขึ้น

ภาพตัวอย่างการวางผังบ้านเพื่อระบายอากาศ
นอกจากการจัดวางทิศทาง ที่จะทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกผ่อนคลายแล้ว สีทาบ้านก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญของบ้านเลยค่ะ ซึ่งสีที่ทางพฤกษาใช้จะสามารถป้องกันรังสี UV มีส่วนช่วยในการระบายความร้อนของบ้านจากผนังบ้านได้ และที่สำคัญเลยสำหรับสีทาบ้าน จะต้องไม่มีสารระคายเคืองต่อระบบหายใจค่ะ ซึ่งสีทาบ้านที่ทางพฤกษาใช้จะเป็นสีที่ได้รับมาตรฐาน มอก. จากกระทรวงอุตสาหกรรม ปลอดภัยจากสารปรอทและตะกั่ว ทำให้ผู้อยู่อาศัยมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยว่าจะไม่มีสารระคายเคืองต่อระบบหายใจของผู้อยู่อาศัยได้ค่ะ
สำหรับห้องน้ำสำเร็จรูป (Bathroom Modular System) สามารถติดตั้งได้อย่างรวดเร็ว ใช้เวลาน้อยกว่าการก่อสร้างห้องน้ำแบบทั่วไป อีกทั้งยังทำความสะอาดง่าย ปราศจากเชื่อราอีกด้วย ถ้าจะให้พูดเข้าใจง่ายๆ ก็คล้ายๆ กับบ้านแบบ Precast นั่นแหละค่ะ คือการก่อสร้างห้องน้ำสำเร็จจากโรงงานให้เรียบร้อย ออกมาจะได้เสมือนเป็นกล่องห้องน้ำห้องหนึ่ง แล้วนำมาประกอบกับตัวบ้าน หรือ คอนโด ติดตั้งระบบภายใน และสามารถใช้งานได้เลย ดูสะดวกสบายดีนะคะ

การติดตั้งห้องน้ำ สามารถนำห้องน้ำสำเร็จรูปมาประกอบกับพื้นทีว่างสำหรับห้องน้ำของบ้านหรือคอนโดได้เลยค่ะ
ทางพฤกษาใส่ใจสุขภาพของผู้อยู่อาศัยด้วยการออกแบบฟังก์ชั่นบ้าน ให้มีขั้นบันไดและทางลาดเอียงให้น้อยที่สุด เพื่อรองรับการใช้งานที่สะดวกสบายโดยเฉพาะผู้สูงวัยที่อาจจะเดินขึ้นลงบันไดลำบาก รวมไปถึงการเพิ่มเติมอุปกรณ์และฟังก์ชันอำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงวัย เช่น มีห้องนอนที่ชั้น 1 รองรับสำหรับผู้สูงวัย มีราวจับในห้องน้ำกันลื่น เป็นต้น

3. GREEN HOME (บ้านลดพลังงาน)

หลังคาระบบพลังงานแสงอาทิตย์ของทางพฤกษานั้นมีประโยชน์มากมาย ทางตรงที่เราสามารถเห็นได้ชัดเลยคือการนำระบบพลังงานแสงอาทิตย์ที่แปลงมาใช้ในรูปแบบพลังงานไฟฟ้า ทำให้สามารถประหยัดค่าไฟฟ้าภายในบ้านได้ หรือยังสามารถสร้างรายได้เพิ่มเติมเมื่อเราใช้ไฟฟ้าได้ไม่หมด โดยการขายคืนให้กับการไฟฟ้านครหลวงได้อีกด้วย ส่วนประโยชน์รองลงมาที่จะได้ก็คือ แผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้านเรานั้นมีส่วนช่วยในการบังแสงแดดที่สาดส่องมาที่หลังคาโดยตรง ช่วยในการลดความร้อนกระจายเข้าสู่ตัวบ้าน ทำให้บ้านร้อนน้อยลง หรือถ้าหากเปิดแอร์อยู่ ก็จะทำให้แอร์ทำงานไม่หนัก สามารถลดค่าไฟในส่วนนี้ได้ค่ะ

ภาพตัวอย่างแผงโซล่าร์ที่ติดตั้งกับหลังคาบ้าน
(ขอบคุณภาพจาก http://suumo.jp)
ระบบฝ้าสำเร็จรูป หรือ คอนกรีตสำเร็จรูปนั้นก็คือส่วนประกอบหนึ่งของบ้าน Precast ที่เราได้กล่าวไปเมื่อข้างต้น ซึ่งก็คือ ผนังคอนกรีตเสริมเหล็กที่ทำจากโรงงาน Pruksa Precast เสร็จเรียบร้อยเป็นแผ่นๆ แล้ว นำไปประกอบเข้ากับตัวบ้านได้เลย เนื่องจากเป็นแผ่นคอนกรีตเสริมเหล็กทั้งแผ่น ทำให้สามารถลดแรงต้านทานจากแผ่นดินไหวได้ถึงขนาด 7 (ตามมาตราริกเตอร์) นอกจากนี้ทางพฤกษาได้ออกแบบให้ผนังดังกล่าวนี้ มีส่วนช่วยในเรื่องของการกันความร้อนจากภายนอกเข้าสู่ตัวบ้าน เพื่อประหยัดพลังงานภายในบ้านได้อีกด้วย
ผนังเบาสำเร็จรูป คือ ผนังที่ไม่ต้องมีคานมารองรับพื้นและมีน้ำหนักเบา ที่สร้างสำเร็จแล้วจากโรงงานพร้อมนำไปประกอบเป็นตัวบ้าน ซึ่งจะช่วยในเรื่องของการลดฝุ่นระหว่างก่อสร้างได้มากถึง 50% จากการก่อสร้างแบบปกติ สำหรับผนังเบาจะมีคุณสมบัติในการป้องกันความร้อนและเสียงรบกวนได้ดีกว่าผนังแบบก่ออิฐ ทำให้บ้านนั้นเย็นและลดมลภาวะทางเสียงได้เป็นอย่างดี
วงกบจากวัสดุสังเคราะห์ทำให้ช่วยลดปัญหาการทำลายธรรมชาติ เพราะใช้ไม้เทียมและวัสดุสังเคราะห์ สามารถติดตั้งได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว และยังมีประโยชน์มากมาย อาทิ มีความทนทาน ทนน้ำ ทนแดด ไม่ผุ แตก หัก บวม หรือสีซีดได้ง่าย ปลอดภัยจากแมลงที่จะมากัดแทะ ทำให้ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายภายในบ้านได้อีกด้วย

4. SMART HOME (บ้านทันสมัย)

งานก่อสร้างอาคารบ้านเรือนต่างๆ จะใช้ผู้คนจากหลากหลายสาขาอาชีพ ทั้งด้านการออกแบบ สร้างแบบจำลอง การก่อสร้าง ซ่อมบำรุง รวมไปถึงงานการบริหาร ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ พฤกษาได้เชื่อมต่อการทำงานของทุกหน้าที่ทั้งหมดไว้ในฐานข้อมูลกลางฐานเดียวทั้งบริษัท ด้วยระบบออกแบบ 3 มิติที่เรียกว่า BIM หรือ Building Information Modeling ซึ่งสามารถลดทอนขั้นตอนการทำงานที่ซับซ้อนให้กระชับรวดเร็วและควบคุมการทำงานในแต่ละขั้นตอนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 
"BIM" คือ เทคโนโลยีที่ใช้พัฒนาในด้านการออกแบบอาคาร 3 มิติด้วยระบบคอมพิวเตอร์ โดยจะรวมในทุกกระบวนการก่อสร้างไว้ในฐานข้อมูลเดียว ตั้งแต่การวางแผนก่อสร้าง การออกแบบอาคาร การบริหาร รวมไปถึงการปรับปรุงซ่อมแซมอาคาร

ภาพแสดงโครงสร้างของระบบ BIM
(ขอบคุณภาพจาก directionsmag.com)
หลังจากที่ได้ไปศึกษางานจากประเทศญี่ปุ่น พฤกษาได้นำเทคโนโลยีใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัย "Home Automation" มาพัฒนาเตรียมใช้กับโครงการบ้านของพฤกษา โดยเราสามารถควบคุมระบบต่างๆ ภายในบ้านพฤกษาได้ด้วยรีโมทคอนโทรล หรือเพียงแค่เชื่อมต่อผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต ก็ความสะดวกสบายแก่ผู้อยู่อาศัย โดยสามารถควบคุมสิ่งต่างๆ ได้ดังต่อไปนี้
  • ควบคุมระบบเปิด - ปิด ไฟฟ้า ภายในบ้านรวมไปถึง น้ำประปา
  • ควบคุมการใช้งานแผงโซลาร์เซลล์แปลงเป็นพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ภายในบ้านได้หรือขายคืนแก่การไฟฟ้าฯได้
  • ตั้งค่าระบบรักษาความปลอดภัย อุ่นใจได้แม้ไม่อยู่บ้าน
  • ปรับและตั้งค่าต่างๆ จากเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านได้

ภาพตัวอย่าง ระบบ Home Automation (ขอบคุณภาพจาก blog.nxp.com)

ทั้งหมดนี้เป็นนวัตกรรมใหม่ที่พฤกษาพยายามสร้างสรรค์เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของโลกยุคใหม่ในเมืองไทยให้มากที่สุดระบบเหล่านี้ที่ทางพฤกษาได้คิดค้น และสร้างสรรค์คุณค่าขึ้นมานั้น สามารถนำไปใช้จริงและมีแผนที่จะนำไปใช้กับโครงการหลายๆ โครงการในอนาคต ทั้งนี้เพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของลูกบ้านพฤกษาทุกคน ทั้งในปัจจุบันและอนาคตนั่นเอง

สิ่งที่ทำให้บ้านสวยน้อยลง


 สิ่งที่ทำให้บ้านสวยน้อยลง
สิ่งที่ทำให้บ้านสวยน้อยลง
การจัดสวน นอกจากจะช่วยให้บ้านดูร่มรื่น และรู้สึกสดชื่นแล้วนั้น หลายคนก็ลืมไปว่า หากจัดสวนแบบผิดๆนั้น อาจทำให้บ้านสวยๆนั้นสวยน้อยลงไปได้เช่นกัน เช่น การปลูกต้นไม้ใหญ่ในพื้นที่แคบๆทำให้บ้านดูอึดอัดมองดูแล้วไม่สบายตาเอาซะเลย การปลูกต้นไม้ผิดทิศทางของแดด จากที่จะให้ร่มเงาแต่ก็ไม่ช่วยให้หายร้อนหรือเป็นร่มเงาได้ ไม่วางแผนก่อนซื้อต้นไม้มาปลูก นอกจากจะไม่มีสไตล์ในการตกแต่งแล้ว ยังมีผลกระทบให้บ้านที่สวยๆดูไม่น่าสนใจขึ้นมาทันที
 สิ่งที่ทำให้บ้านสวยน้อยลง
รั้วบ้าน หากทึบไปหรือโปร่งไปก็ไม่ดี เป็นเรื่องที่สถาปนิกหลายคนมองข้ามเมื่อออกแบบเสร็จแล้ว จนทำให้รั้วบ้านกลายเป็นแค่กำแพงทึบตัน รั้วบ้านอาจมีหน้าที่ปิดบังพื้นที่ในบ้าน แต่รั้วบ้านเมื่อมองจากด้านนอกแล้วก็เป็นสิ่งแรกที่คนภายนอกมองเห็น ดังนั้นแล้วก็ไม่ควรมองข้ามนะค่ะ รั้วบ้านไม่ควรทึบหรือโปร่งจนเกินไป ควรขึ้นอยู่กับตัวบ้านด้วย หากต้องการความเป็นส่วนตัวก็อาจทำให้เป็นผนังทึบ แต่หากส่วนไหนอยากให้มองเห็นจากภายนอกก็อาจทำเป็นช่องว่าง อาจเป็นระแนงหรือช่องลมก็ดีเหมือนกันนะค่ะ
 สิ่งที่ทำให้บ้านสวยน้อยลง
รางน้ำ หลังคาสวยอยู่ที่รางน้ำ ก่อนการออกแบบบ้าน ควรตกลงกับผู้ออกแบบก่อนว่าต้องการติดตั้งรางน้ำฝนหรือไม่ เพราะหากติดตั้งรางน้ำฝนนั้นก็มีอยู่ 2 ทางเลือกคือ ยึดติดกับตัวบ้านวิ่งไล่ลงมาภายนอกบ้าน ซึ่งจะเห็นท่อชัดเจน ดังนั้นท่อระบายก็จะโชว์ด้านนอก ควรคำนึงถึงวัสดุและสีของท่อด้วย หากเป็นท่อพีวีซีก็อาจทาสีทับให้กับตัวบ้านได้ แต่ปัจจุบันก็มีให้เลือกแบบสำเร็จและได้มาตรฐานให้เลือกมากมาย ส่วนการติดตั้งอีกแบบคือ แบบซ่อนวิธีนี้จะดึงท่อกลับเข้ามาในตัวบ้านหรืออาคารเพื่อไม่ให้มองเห็นจากภายนอก สิ่งที่ควรคำนึงถึงคือควรระมัดระวังไม่ให้เกิดการรั่ว เพราะซ่อมแซมค่อนข้างลำบาก ต้องตัดฝ้าหรือทุบผนังออกเลยทีเดียว เสียเวลาเสียค่าใช้จ่ายมากพอสมควร ที่สำคัญเสี่ยงที่บ้านจะกลับมาสวยเหมือนเดิมนั้นก็คงคิดหนักอยู่เหมือนกัน
 สิ่งที่ทำให้บ้านสวยน้อยลง
แหล่งที่มาhttps://www.prop.in.th/